Category Archives: ข่าวประชาสัมพันธ์

“อาร์ต – วศิน วรรณพฤกษ์” ศิลปินหน้าใหม่ค่าย “Alley1 Records ”

จากผู้บริหารสู่ศิลปิน “อาร์ต – วศิน วรรณพฤกษ์” ศิลปินหน้าใหม่ค่าย “Alley1 Records ” เปิดตัวเพลงซิงเกิลแรก “Thank You” 10 วัน 100,000 วิว

อีกหนึ่งก้าวสำคัญของ “อาร์ต – วศิน วรรณพฤกษ์” ผู้บริหารมากความสามารถและนักการตลาดรุ่นใหม่ที่มากด้วยประสบการณ์ด้านการสร้างแบรนด์สินค้า และการสื่อสารการตลาดมามากกว่า 30 ปี ที่หลายคนคุ้นหน้าในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด(รฟฟท.) มีรางวัลการันตีในฐานะนักการตลาดยอดเยี่ยมมากมายจากหลายเวที เช่น รางวัลจากเวที Asia Top Awards 3 ปี ซ้อน ล่าสุดผันตัวสู่อีกหนึ่งบทบาทใหม่ในฐานะ ศิลปินคนล่าสุดของค่ายเพลง Alley1 Records ค่ายเพลงคุณภาพ พร้อมเปิดตัวเพลง “Thank You” ซิงเกิลแรกแนว pop soul ที่ได้Streamingพร้อมกันทั่วประเทศเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา และมิวสิกวิดีโอทาง YouTube: Alley1 Record MUSIC OFFICIAL ยอดวิวทะลุ 100,000 วิวเป็นที่เรียบร้อย
คุณอาร์ตได้เล่าถึงเส้นทางสายดนตรีว่า “จริงๆ เมื่อ 30 ปี ที่แล้วต้องทำเพลงออกอัลบัม แต่มีเหตุให้ต้องหยุดชะงักเนื่องจากต้องไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากกลับมาก็ทำงานในฐานะนักสื่อสารการตลาดและวางกลยุทธ์ สร้างแบรนด์สินค้า การตลาดและโฆษณา จนมาถึงระบบขนส่งทางรางในฐานะพนักงานรัฐวิสาหกิจตลอด 30 ปีเต็ม ตลอดชีวิตการทำงาน ผมรู้สึกว่าอยากเติมเต็มช่วงชีวิตที่หายไป จนกระทั่งมาปีนี้ ได้ค่ายเพลง Alley1 Record โดยมีหัวเรือใหญ่ พี่ต๋อง อภิชา สุขแสงเพ็ชร หรือ ต๋อง The Begins Music Director ของ The Voice Thailand ได้ชักชวนให้มาออกซิงเกิล ครั้งแรกที่ได้อ่านเนื้อเพลงแล้วรู้สึกว่าตรงกับตัวเรามาก พอได้ฟังทำนองด้วยแล้ว คือใช่เลย ทุกอย่างลงตัวมาก ความพิเศษของเพลงนี้คือมีเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าแสนคลาสสิค อย่าง Trombone เข้ามาบรรเลงในช่วงโซโล ทำให้เพลงนี้มีความไพเราะมาก


ด้านคุณต๋อง อภิชา เล่าให้ฟังว่า ได้แต่งเพลง Thank You โดยบอกเล่าชีวิตจริงของผู้ร้อง ซึ่งก็คือคุณอาร์ต วศิน เนื้อหาเพลงได้บอกเล่าเรื่องราวของความรักในอดีตที่แสนเจ็บปวดและการเติบโต แต่เราสามารถผ่านพ้นความรู้สึกเจ็บปวดนั้นได้โดยใช้เวลาเป็นตัวรักษาและเยียวยาความเจ็บปวดนั้น ซึ่งความพิเศษของเพลง Thank You นั้น มี Trombone มาประสานในช่วง Solo ทำให้เพลงมีความพิเศษเพิ่มขึ้น ดนตรีมันมีความพิเศษตรงที่มันเข้าถึงใจผู้คนได้อย่างรวดเร็ว เพลงเพียงไม่กี่นาทีสามารถทำให้คนยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้ไปพร้อมกันได้ ผมจึงอยากสร้างเพลงที่เปิดโอกาสให้ศิลปินรุ่นใหม่ได้แสดงตัวตนอย่างเต็มที่ โดยไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบของสไตล์หรือวัย ทุกเพลงของเราต้องเป็นเพลงที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่า ‘นี่คือเพลงของคุณ’ จริง ๆ

“Thank You” – ซิงเกิลแรกของศิลปินรุ่นใหญ่วัยเก๋า อาร์ต วศิน วรรณพฤกษ์ ถ่ายทอดพลังเสียงจากหัวใจ โดยได้นักแสดงที่คับคั่งด้วยความสามารถและมีผลงานมากมาย อย่าง น้ำฝน กุลณัฐ มาถ่ายทอดเรื่องราวของบทเพลง Thank You ส่งผ่านกำลังใจให้ทุกคนที่ล้มได้ลุกขึ้นยืนได้อย่างเข็มแข็ง กำกับ Music Video โดย คุณเอก หิรัญ สุวรรณเทศ จาก I Snap U Studio ซึ่งคุณเอกได้เล่าว่า อยากให้ Music Video มีความเป็น Life Dramatic หลังจากประชุมกับทีมงานแล้ว คนที่จะเหมาะที่จะมารับบทนางเอก Music Video นี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก คุณน้ำฝน กุลณัฐ ต้องขอขอบคุณ น้ำฝน กุลณัฐ ที่บินมาจากอเมริกาเพื่อถ่ายทำ Music Video นี้

“Thank You” เพลงซิงเกิลแรกของอาร์ต วศิน มีกระแสการตอบรับดีมาก โดยมียอดวิวใน You Tube ถึง 1 แสนวิวหลังจากปล่อยออกมาได้เพียงแค่ 10 วัน นับเป็นปรากฏการณ์ที่ทำเอานักร้องหน้าใหม่รุ่นใหญ่วัยเก๋า ถึงกับกลั้นน้ำตาแห่งความปลื้มปิติเอาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว.

รฟฟท.รับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนประเภทรัฐวิสาหกิจ ระดับ “ดีเด่น” ประจําปี 2568

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) รับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2568 (Human Rights Awards 2025) ประเภทองค์กรรัฐวิสาหกิจ ระดับ ”ดีเด่น” จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม 

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้ารับมอบรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน “ระดับดีเด่น” ประจำปี 2568 (Human Rights Awards 2025) จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เมื่อวันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568 โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลฯ ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 ประเภทองค์กรรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินงานตามหลักสิทธิมนุษยชนในระดับดีเด่น ตอกย้ำความเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญในการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเท่าเทียมควบคู่กับการให้บริการเดินรถไฟฟ้าที่มีมาตรฐานในระดับสากล โดยยึดมั่นในการนำหลักการเคารพสิทธิมนุษยชนมากำหนดเป็นกลยุทธ์และแนวทางในการดำเนินงาน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ให้เป็นส่วนหนึ่งในการบริหารจัดการ เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนให้องค์กรเติบโตและก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยการนำหลักสิทธิมนุษยชนมาประยุกต์ใช้และสร้างให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร ส่งเสริมบุคลากรทุกคนให้มีความตระหนัก  ยึดมั่นการสร้างความยุติธรรมและความเท่าเทียม เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ควบคู่กับการสร้างความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล รวมทั้งยังสร้างการมีส่วนร่วมและรักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แก่ ผู้ใช้บริการ ชุมชนตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า คู่ค้า และกลุ่มเปราะบาง อันจะส่งผลให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการให้บริการขององค์กรได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีความเสมอภาค และบริษัทฯจะมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จอย่างยั่งยืน

โดยท่านสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง โซเชียลมิเดียทุกแพลตฟอร์ม Facebook Fan Page, Twitter , Instagram, Youtube, Tiktok พิมพ์ชื่อ
“RED Line SRTET” หรือส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.srtet.co.th

“มากกว่าการเดินทางคือ …ความพิเศษ”
รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

วศิน วรรณพฤกษ์ รับรางวัล ผู้ส่งเสริมและสนับสนุน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา นายวศิน วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบุคคลดีเด่นที่ได้รับรางวัล “คุ้มเกล้าเยาวชนคนสร้างชาติ” ประจำปี 2568 ในสาขา “ผู้ส่งเสริมและสนับสนุน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ” สาขาหนึ่งของรางวัล “ซึ่งมอบให้กับบุคคลหรือองค์กรที่สร้างคุณประโยชน์และทำความดีต่อสังคมไทยอย่างโดดเด่น เพื่อส่งเสริมค่านิยมที่ดีงาม เช่น การพัฒนาสังคม การอนุรักษ์วัฒนธรรม และการทำจิตอาสา

โดยจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 7 สำหรับปีนี้ รางวัลดังกล่าวเป็นรางวัลที่มอบให้แก่ผู้ทำความดีและสร้างคุณประโยชน์ต่อสังคมอย่างโดดเด่น จัดขึ้นโดยมูลนิธิคุ้มเกล้าเยาวชนคนสร้างชาติ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีค่านิยมที่ดีงามตามหลักปรัชญา ส่งเสริมให้เยาวชนไทยได้ศึกษา คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ พัฒนาสังคม อนุรักษ์วัฒนธรรม สืบสานศาสนา ส่งเสริมกีฬา และมุ่งมั่นจิตอาสาแบบบูรณาการ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานเอกชน นักเรียนและนักศึกษาทั่วประเทศ ร่วมรับรางวัล โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในงาน และนายสมใจ วิเศษทักษิณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้มอบรางวัล ซึ่งจัดขึ้น ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ

การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่: DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 ครั้งที่ 2

 การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่: DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 ครั้งที่ 2จัดเต็มความสุขตลอด 4 วัน พบกับแบรนด์ของเล่น ของสะสมคอลเลกชันลิมิเต็ดจากเหล่าคาแรกเตอร์ต่างๆ

ดิสนีย์เดินหน้าสร้างสรรค์กิจกรรมระดับโลกในประเทศไทย ประกาศจัดงาน DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 ครั้งที่ 2 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในงานรวมของเล่นและสินค้าคอลเลกชันลิขสิทธิ์ดิสนีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  งานมหกรรมครั้งนี้จะนำเสนอสินค้าลิขสิทธิ์ดิสนีย์จากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกกว่า 2,000 รายการ ครอบคลุมพื้นที่จัดงานกว่า 1,700 ตารางเมตร ที่เซ็นทรัลเวิลด์ แฟน ๆ เตรียมพบกับเซอร์ไพรส์มากมาย ทั้งกิจกรรม Meet & Greet สินค้าลิมิเต็ดเอดิชัน และกิจกรรมสุดพิเศษอีกมากมาย ตอกย้ำกระแสเติบโตของตลาดแฟนด้อม สินค้าคาแรกเตอร์ ของสะสม และอาร์ตทอย เข้าร่วมงานฟรี! ตลอด 4 วันเต็ม ตั้งแต่ 4–7 กันยายน 2568

งานนี้จัดขึ้นโดย บริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัท อาซากิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จํากัด และ บริษัท ทอยโทเปีย จำกัด สานต่อความสำเร็จจากการจัดงานครั้งแรกที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนดิสนีย์และนักสะสมของเล่น สร้างสีสันให้ตลาดของสะสมและอาร์ตทอยที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง

สำหรับปีนี้ งาน DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 มาพร้อมคอนเซปต์ “Discover the world of Disney” ชวนแฟน ๆ ก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งความสุขและความตื่นเต้น พร้อมสัมผัสสินค้าลิขสิทธิ์จากแบรนด์ระดับโลกมากมาย โดยมีเป้าหมายที่จะรวมหนึ่งในงานจัดแสดงอาร์ตทอยและของสะสมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มอบความสุขให้ทั้งผู้ร่วมงานชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ

งานจัดขึ้นระหว่าง 4–7 กันยายน 2025 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ครอบคลุมพื้นที่ 3 ชั้น (กว่า 1,700 ตร.ม.) ปีนี้ขยายขนาดใหญ่มากขึ้น รวมกว่า 47 ร้านค้า 64 บูธ และสินค้าให้เลือกกว่า 2,000 รายการ พร้อมเปิดโอกาสให้ธุรกิจของเล่นและของสะสมทั้งไทยและต่างประเทศได้พบปะ เจรจาความร่วมมือ และขยายสู่ตลาดโลก

การจัดงานครั้งนี้สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของตลาดของเล่นและของสะสม โดยเฉพาะกระแสอาร์ตทอยที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับความต้องการสินค้าลิขสิทธิ์ที่ยังคงสูง ประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญของดิสนีย์ ด้วยกลุ่มนักสะสมที่มีความหลากหลาย รสนิยมชัดเจน และกำลังซื้อที่มั่นคง ตัวละครดิสนีย์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าศตวรรษยังคงครองใจแฟน ๆ ไม่เสื่อมคลาย

ไฮไลท์งาน
ผู้ร่วมงานจะได้พบกับสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟและสินค้าคอลเลคชั่นใหม่จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ Beast Kingdom, Bestine, Blokees, Bushiroad, Casebang, Disney Lorcana Trading Card Game, Funko, Hot Toys , OH!SOME  และ SundayHome พร้อมเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคาแรกเตอร์ขวัญใจแฟน ๆ เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย

อย่าพลาดโซนถ่ายรูปสุดคิวต์กับ Stitch ขนาด 1.8 เมตรในรูปแบบ Preserved Flower ที่มอบทั้งความสุข ความทรงจำ และเสน่ห์สดใสให้นักสะสมได้เก็บภาพ รวมถึงกิจกรรม Meet & Greet สุดพิเศษกับเพื่อนตัวละครจาก Lilo & Stitch

ภายในงานยังมีโปรโมชั่นพิเศษจากบูธต่าง ๆ ลดราคาสินค้าระหว่าง 10%–30% พร้อมลุ้นรางวัลสุดตื่นเต้นและดีลสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะในงานนี้เท่านั้น

อย่าลืมจดวันไว้!
ร่วมฉลองความยิ่งใหญ่ไปกับสินค้าลิขสิทธิ์แท้จาก Disney, Pixar, Marvel และ Star Wars ในงาน DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 วันที่ 4–7 กันยายน 2568 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1–3 เข้าร่วมฟรีตลอดงาน

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/dtxthailand2025 
และ Instagram @dtxthailand2025

SACIT ร่วมอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยผ่านงานกกและเสื่อจันทบูร สู่ผลงานสร้างสรรค์ร่วมสมัย

สืบสานหัตถศิลป์ถิ่นสีสันชุมชน” SACIT ร่วมอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยผ่านงานกกและเสื่อจันทบูร สู่ผลงานสร้างสรรค์ร่วมสมัย

จันทบุรี 24 กรกฎาคม 2568: งาน “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จันทบุรี จัดขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จังหวัดจันทบุรี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นจากครูช่างศิลป์และคนรุ่นใหม่ พร้อมเสวนาสุดเข้มข้นที่จะทำให้มองเห็นอนาคตใหม่ของงานหัตถกรรมไทย และส่งเสริมการเยี่ยมชมแหล่งผลิตเสื่อกกและผลิตภัณฑ์จากกก แหล่งเพาะปลูกกก และศูนย์หัตถกรรม จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT

ภายในงาน “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จังหวัดจันทบุรี ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสเบื้องหลังความงามของงานศิลปหัตถกรรมไทย และเรื่องราวของการทอเสื่อกกอันเป็นเอกลักษณ์ ชมผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์จากเส้นกกที่ผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมและการออกแบบสมัยใหม่ พร้อมกิจกรรมเวิร์กชอปผ่านการสาธิตจริงจากช่างฝีมือท้องถิ่นที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้ทดลองเรียนรู้และสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเองไฮไลต์กิจกรรมภายในงาน วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ได้แก่ การสาธิตการทอเสื่อกกแบบดั้งเดิม โดยช่างฝีมือท้องถิ่น, เวิร์กชอปเรียนรู้การออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานจากกก, นิทรรศการและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเสื่อกกจันทบูร ทั้งแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย และการเสวนาจากผู้เชี่ยวชาญด้านหัตถศิลป์และช่างฝีมือท้องถิ่นในหัวข้อ “ต้นน้ำที่กำลังจะสูญหาย” และ “โอกาสของกกในมิติต่างๆ” ที่จะทำให้มองเห็นศักยภาพและอนาคตใหม่ของงานหัตถกรรมไทย โดยครูจุไรรัตน์ สรรพสุข ครูช่างศิลปหัตถกรรม ประจำปี 2558 และคุณอิสระ ชูภักดี คนรุ่นใหม่ New Young Craft 2567

นางสาวแสงระวี สิงหวิบูลย์
รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย

นางสาวแสงระวี สิงหวิบูลย์ รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย กล่าวว่า SACIT มุ่งเน้นที่จะสร้างความยั่งยืน และสืบสานงานศิลปหัตถกรรมไทย จึงได้มีการส่งเสริมงานช่างฝีมือดั้งเดิมให้มีการประกอบอาชีพ และพัฒนากระบวนการสร้างสรรค์ศิลปหัตถกรรมไทย ทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ และใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ในทุกประเภทของงานหัตถกรรม และทั่วทุกภาคของประเทศ โครงการ “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จังหวัดจันทบุรี นี้ จึงจัดขึ้นเพื่อต่อยอดและส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับชุมชน สนับสนุนการอนุรักษ์งานหัตถศิลป์ สืบสานภูมิปัญญาการทอเสื่อกกของชุมชนจันทบุรี และสร้างความภาคภูมิใจในมรดกทางวัฒนธรรมไทยที่สืบทอดมายาวนาน รวมทั้งการต่อยอดงานหัตถศิลป์ให้เป็นผลิตภัณฑ์ร่วมสมัย เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และมีส่วนร่วม และช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสร้างรายได้สู่ท้องถิ่นได้ในระยะยาว เสน่ห์ “กก” และ “เสื่อจันทบูร” หัตถศิลป์ทรงคุณค่าคู่ชุมชนจันทบุรี

“กก” คือพืชท้องถิ่นที่เติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มน้ำของจังหวัดจันทบุรี ชาวบ้านนำมาผ่านกระบวนการเก็บเกี่ยว ตากแห้ง จัดเส้น และย้อมสีอย่างประณีต ก่อนนำมาทอเป็นเสื่อและของใช้ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดจากบรรพบุรุษมาอย่างยาวนาน

จุดเด่นของ “เสื่อจันทบูร” อยู่ที่ความละเอียดในการทอ ลวดลายที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ และสีสันที่สดใสไม่ซ้ำใคร โดยฝีมือช่างผู้มีประสบการณ์ ประกอบกับคุณสมบัติของต้นกกในพื้นที่จันทบุรีที่มีลักษณะเฉพาะ มีความแข็งแรง คงทน ทำให้เสื่อมีความทนทาน มันวาว เหมาะสำหรับการใช้งานจริง และยังเป็นงานศิลป์ที่สะท้อนถึงรสนิยมและอัตลักษณ์ของชุมชน
จากสิ่งของที่เป็นเพียงเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน วันนี้เสื่อจันทบูรถูกพัฒนาต่อยอดเป็นของตกแต่ง ของที่ระลึก และสินค้าไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย อาทิ กระเป๋า พรม ปลอกหมอน และของประดับบ้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์แล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนอีกด้วย

งาน “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จังหวัดจันทบุรี เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสำคัญของสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT ที่ต้องการส่งเสริม สืบสานงานหัตถศิลป์ไทยร่วมกับชุมชน และนำไปสู่การร่วมกำหนดทิศทางและการดำเนินการร่วมกันในทุกภาคส่วน เพื่อให้การเชื่อมโยงงานศิลปหัตถกรรมเข้ากับมิติต่างๆ ของสังคม และการท่องเที่ยว โดยมีการขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่าน “ครูศิลป์ของแผ่นดิน และครูช่างศิลปหัตถกรรม” และมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับ ภาคีเครือข่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในท้องถิ่น มุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้กับเครือข่ายต่างๆ ให้ได้ร่วมคิด ร่วมทำ เกิดความคิดและทางเลือกใหม่ ๆ เกิดพลังชุมชนที่เข้มแข็งจากฐานราก มีความพร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้งานศิลปหัตถกรรมในพื้นที่ สร้างความเชื่อมโยงระหว่างผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม วิถีชุมชน กับการท่องเที่ยวได้อย่างสมดุล ซึ่งช่วยให้ชุมชนสามารถพัฒนาสู่การเป็นแหล่งเรียนรู้งานศิลปหัตถกรรมและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ศิลปหัตถกรรมไทย ตลอดจนเป็นส่วนสำคัญในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน

Sheep x True รุกเดินหน้าขยายฐานลูกค้า เปิดตัว 75 Years of Peanuts™ Collection

Sheep ผนึก True ขยายช่องทางการจำหน่ายใน True Shop ครอบคลุมลูกค้าที่หลากหลาย หลังจากเปิดตัวคอลเล็กชันครั้งใหญ่แห่งปี Peanuts™ x Sheep: Snoopy & The Peanuts™ gang เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ย้ำภาพเคสแบรนด์ไทยคุณภาพสากล นำเสนอคาแรกเตอร์น่ารักสดใสในดวงใจของคนทั่วโลก โดยแบรนด์ Sheep ยังมอบความพิเศษให้กับลูกค้า True Shop โดยการปล่อย 75 Years of Peanuts™ Collection (Limited Edition) สะท้อนความหรูหราเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเอ็กซ์คลูซีฟที่ True Shop เท่านั้น พร้อมเดินหน้าครีเอทสินค้าใหม่

“Sheep” เคสสัญชาติไทย ผู้ผลิตและออกแบบแก็ดเจ็ตที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของสินค้าและคำนึงถึงภาพลักษณ์การใช้งานของผู้ใช้ ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าไทยจากร้าน AppleSheep แหล่งรวมสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์และไอที ล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือกับ True ในการวางจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Sheep ใน True Shop

นายอภินันท์ ตรีรัตน์พิจารณ์ Founder&CEO บริษัท ชีพ แก็ดเจ็ต จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ Sheep เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า “แบรนด์ Sheep ให้ความสำคัญกับรายละเอียดและคุณภาพสินค้าที่เหมาะสมกับราคา เรามั่นใจในคุณภาพของแบรนด์ เพื่อตอกย้ำและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าคนไทย เราจึงอยากให้ลูกค้าคนไทย ได้สัมผัสสินค้า ได้เข้าถึงสินค้าของเราง่ายขึ้น รวมถึงต้องการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า และเติมเต็มความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ทั้งลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ เนื่องจากทรูถือเป็นเครือข่ายอันดับ 1 ที่มีช่องทางให้บริการที่แข็งแกร่ง แต่ละวันมีผู้เข้าใช้บริการใน True Shop เป็นจำนวนมาก เราเชื่อว่าการที่ Sheep มาอยู่ใน True Shop จะช่วยส่งเสริมความตั้งใจของแบรนด์ที่ต้องการสร้างประสบการณ์ที่สนุกสนานระหว่างแบรนด์และผู้ใช้สินค้า รวมถึงเป็นการขยายฐานลูกค้าของเราอีกด้วยครับ

ปัจจุบันสินค้าประเภทเคส อุปกรณ์เสริม และสินค้าไอทีหลากหลายรายการภายใต้แบรนด์ Sheep วางจำหน่ายใน True Shop รวม 48 สาขา ครอบคลุมทุกภาคทั่วประเทศไทย และอนาคตมีเป้าหมายขยายสาขาใน True Shop รวมทั้งการนำเสนอสินค้าที่เหมาะกับผู้ใช้บริการของ True Shop และการคัดสรรสินค้าที่เหมาะสมเข้าสู่ช่องทาง Hyper Market ใน True Shop เช่น พาวเวอร์แบงก์ หูฟัง และ อื่นๆ ซึ่งไม่มีขายในช่องทางหลักของเรา Sheep ยังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์สินค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้เปิดตัวคอลเล็กชันใหม่ Peanuts™ x Sheep: Snoopy & The Peanuts™ gang ถ่ายทอดความน่ารักสดใสอันเป็นเอกลักษณ์จากการ์ตูน Peanuts กับคาแรกเตอร์ Snoopy ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนในดวงใจที่ครองใจคนทุกวัยทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ประกอบด้วยเคสมือถือ (ไอโฟน 11 – 16 และซัมซุง S23 Ultra – S25 Ultra) พร้อมขบวนอุปกรณ์เสริมสำหรับ iPhone, iPad และ MacBook อาทิ MagSafe Griptok , MagSafeWallet, และ Phone Charm รวมทั้งสินค้าอื่น ๆ อีกหลายรายการ ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวคอลเล็กชันครั้งใหญ่สำหรับปีนี้

สำหรับ Collection Snoopy ถูกออกแบบให้มีความโดดเด่น จากโทนสีที่เลือกมาอย่างพิถีพิถัน ตอบโจทย์ทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสายเท่ หรือสายสดใส พร้อมคอนเซ็ปต์ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี เพิ่มลูกเล่นด้วยการประสานความเป็น Snoopy กับมาสคอตของแบรนด์ อย่างการนำหมวกของ Rambie มาใส่ในตัว Snoopy นอกจากจะได้พบความน่ารักสดใสของ Snoopy และเหล่าแก๊ง Peanuts ในสินค้าต่าง ๆ แล้ว Sheep ยังได้เตรียมตกแต่งดิสเพลย์ภายในร้านเพื่อให้ลูกค้าได้ร่วมถ่ายภาพ เพิ่มบรรยากาศของความสุขเมื่อเข้ามาใช้บริการความร่วมมือระหว่าง Sheep และ True ยังนำเสนอผ่านการเฉลิมฉลอง ครบรอบ 75 ปีของ Peanuts™ โดยจะวางจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟ กับ คอลเล็กชันพิเศษ 75 Years of Peanuts™ Collection ที่ True Shop 48 สาขาเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจ ส่งต่อความสนุกสดใสให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ประกอบด้วย Phone Charm, MagSafe Wallet และ MagSafe Griptok จุดเด่นของคอลเล็กชันพิเศษนี้คือสีทองที่เพิ่มความหรูหราพรีเมียมเป็นเอกลักษณ์ โดยจะมีการจัดแสดงคอลเล็กชันพร้อมทั้งดิสเพลย์ในร้าน True Shop อีกด้วย

นายอภินันท์ กล่าวว่า จากประสบการณ์ในการสร้างสรรค์สินค้าลิขสิทธิ์ระดับสากลมาหลายคอลเล็กชัน รวมทั้งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Sheep เข้าใจความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า และยังคงมุ่งมั่นในการนำเสนอสินค้าที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และความเป็นตัวตนให้กับผู้ใช้งาน ความร่วมมือกับ True Shop จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตต่อไป

ทางด้านคุณสุจิตรา อมิตรพ่าย หัวหน้าสายงานบริหารฝ่ายปฏิบัติการ ทรู รีเทลช็อป บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ทรูมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในทุกมิติ ไม่ใช่เพียงแค่บริการโทรคมนาคมที่แข็งแกร่ง แต่ยังรวมถึงการคัดสรรสินค้าไอทีและอุปกรณ์เสริมเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ ดีไซน์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เพื่อเสริมสร้างให้ True Shop เป็นมากกว่าร้านค้า แต่เป็น ‘One Stop Lifestyle Destination’ ที่ลูกค้าจะรู้สึกสนุก มีแรงบันดาลใจ และอยากแวะเข้ามาอยู่เสมอ

การร่วมมือกับแบรนด์ Sheep ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของทรูในการมองหาแบรนด์ไทยคุณภาพ ที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีจุดยืนชัดเจนด้านดีไซน์และความใส่ใจในรายละเอียดของสินค้า เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่มีความหมายให้กับลูกค้า ทรูไม่เพียงเปิดพื้นที่ให้สินค้าไทยได้แสดงศักยภาพ แต่ยังสร้างโอกาสให้คนไทยได้ร่วมสนับสนุนแบรนด์ที่พร้อมเติบโตสู่เวทีสากลสินค้าของ Sheep ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าที่เข้ามาซื้อสมาร์ตโฟน จ่ายค่าบริการ หรือนั่งพักผ่อนที่ร้าน TrueCoffee เพราะเรามองว่าทุกจุดสัมผัสภายใน True Shop ควรมีคุณค่าและสร้างแรงบันดาลใจได้ ความหลากหลายของสินค้าไลฟ์สไตล์เช่นนี้ ช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของทุกการใช้บริการ และสะท้อนภาพลักษณ์ของทรูในฐานะผู้นำเทคโนโลยีที่ใส่ใจในรายละเอียดของชีวิตประจำวันของผู้คน

คอลเล็กชันพิเศษ ‘75th Years of Peanuts™ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่เราอยากให้ทุกคนได้สัมผัส เพราะนอกจากความน่ารักของตัวการ์ตูน Snoopy แล้ว ยังมีดีไซน์ที่สื่อถึงความพรีเมียม ความสุข และความทรงจำที่ดี เป็นสินค้าลิมิเต็ดที่มีจำหน่ายเฉพาะที่ True Shop 48 สาขาทั่วประเทศ อยากให้ทุกคนได้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเอง ทั้งบรรยากาศการจัดดิสเพลย์ในร้าน และประสบการณ์สินค้าที่แบรนด์ Sheep ถ่ายทอดร่วมกับศิลปินแบรนด์ดังจากทั่วโลก เพราะทุกการเลือกสรรและบริการจากเราคือความตั้งใจที่อยากให้คุณได้รับประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความสุข

พบกับความน่ารักสดใสในคอลเล็กชั Peanuts™ x Sheep: Snoopy & The Peanuts™ gang ได้ที่ AppleSheep ทุกสาขา และ True Shop 48 สาขา รวมทั้งช่องทางออนไลน์ที่ www.applesheepth.com
Line: @applesheep, Facebook: AppleSheep เคส ipadpro มีที่เก็บปากกา, Instagram: applesheepth, Tiktok: applesheepth

KEY THE ENERGY TRANSITION EXPO 

เมื่อวันที่ 4-7 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมางาน  KEY THE ENERGY TRANSITION EXPO ปีนี้ จัดขึ้นที่ RIMINI FIERA เมือง RIMINI ประเทศ ITALY โดยทีมบริหารงานของ ITALIAN EXHIBITION GROUP SpA ให้การต้อนรับทีมบริหาร บริษัท SKY GREEN จากประเทศไทย

นำทีมโดย  ดร.ปราชญ์​วลี​ อิทธิ​สวัสดิ์​ CEO และ ดร.ธีรพล  วินิจวัฒนโกมล MANAGING DIRECTOR บรรยากาศชื่นมื่นเต็มไปด้วยมิตรภาพที่อบอุ่น งานจัดขึ้นในปีนี้  มีประเทศที่เข้าร่วมงานทั้งหมดมากกว่า 50 ประเทศทั่วทุกภูมิภาค

คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค เปิดตัวสัญลักษณ์ Carbon Footprint of Product

คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค เปิดตัวสัญลักษณ์ Carbon Footprint of Product แบบ Circular Economy (CE CFP) เจาะเทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมก้าวสู่โลกที่ยั่งยืน พร้อมเผยโฉมผลิตภัณฑ์รักษ์โลกใหม่ภายใต้แบรนด์ Scott และ WypAll

คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชั่นแนล ประเทศไทย ผู้นำนวัตกรรมด้านสุขอนามัยที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ร่วมตอกย้ำนโยบายด้านความยั่งยืนด้วยการเปิดตัว สัญลักษณ์ Carbon Footprint of Product แบบ Circular Economy (CE CFP) อย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวในกลุ่มผลิตภัณฑ์กระดาษทิชชู่ในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) เป็นเครื่องหมายรับรองความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ช่วยลดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ

โดยการเปิดตัวครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้กรอบของงานสัมมนา “Green Life Cycle: Insight Better Care for A Better World” ณ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจเข้าร่วมรับฟังเสวนา แลกเปลี่ยนแนวคิด และนำเสนอแนวทางการรับมือกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ พ.ร.บ. Climate Change และมาตรฐาน G-Green ซึ่งกำลังกลายเป็นแนวโน้มสำคัญที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กรทุกขนาดในปัจจุบัน

นอกจากนี้ คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชั่นแนล ประเทศไทย ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ Scott และ WypAll ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อลดการใช้ทรัพยากร ลดของเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน เพื่อสนับสนุนองค์กรที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ

คุณปิยะพร ปฏิมาวิรุจน์ Sales Leader คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า “คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชั่นแนล เชื่อมั่นว่าสุขอนามัยและความยั่งยืนสามารถทำให้เกิดขึ้นไปพร้อมกันได้ เรามุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ด้านสุขอนามัย แต่ยังต้องรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งการได้รับการรับรองตราสัญลักษณ์ Carbon Footprint of Product แบบ Circular Economy (CE CFP) เป็นก้าวสำคัญที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านสุขอนามัยที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมของเรา และเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม”

ในขณะที่ คุณศสิพงศ์ บุญแต้ม Marketing Manager คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “Better Care for A Better World เป็นคำมั่นสัญญาที่เรายึดมั่นมาโดยตลอด เราไม่ได้แค่พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน เราเชื่อว่าการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งที่จำเป็น ไม่ใช่แค่เพื่อองค์กรหรือลูกค้าของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อโลกที่ยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย”

โดยภายในงานได้จัดการเสวนาโดยผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐและภาคเอกชนในหัวข้อสำคัญ อาทิ แนวทางการเตรียมตัวของภาคธุรกิจต่อ พ.ร.บ. Climate Change โดย ดร.กิตติศักดิ์ พฤกษ์กานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเน้นย้ำว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้ไม่เพียงเป็นข้อบังคับทางกฎหมาย แต่ยังเป็นโอกาสให้ธุรกิจพัฒนาและแข่งขันได้ในยุคที่ตลาดให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม

อีกทั้งยังมีการบรรยายเกี่ยวกับการรับรองมาตรฐาน G-Green โดย ดร.เพชรดา อ้อชัยภูมิ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการได้รับตราสัญลักษณ์ G-Green (ไม่ว่าจะเป็น Green Hotel, Green Restaurant, Green Office) ในการสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ รวมถึงบทบาทของ Thai Green Label ในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ โดย ดร.ถนอมลาภ รัชวัตร์ นักวิจัยอาวุโส ซึ่งระบุว่าผลิตภัณฑ์ที่มีตราสัญลักษณ์ Thai Green Label ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอกรณีศึกษาแนวทางธุรกิจที่ยั่งยืนจากลูกค้าเครือเซ็นทรัล เรสเตอรองส์ คุณวีร์ธิมา พัฒนไพสิฐ Purchasing Equipment Manager Central Restaurant Group Co.,Ltd. อาทิเช่น การลด food waste การจัดซื้อวัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อชุมชนบริเวณโดยรอบแต่ละสาขา เป็นต้น

คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค โปรเฟสชั่นแนล ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นและเดินหน้าสานต่อเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายที่จะได้รับการรับรองตราสัญลักษณ์ Carbon Footprint Reduction (CFR) ในลำดับต่อไป ตามคำมั่นสัญญาของเรา “Better Care for A Better World” ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่รับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวไปสู่โลกที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน

จุฬาฯ ผนึกกำลังร่วมมือ ช่อง 7HD สร้างสรรค์สื่อเพื่อการศึกษาและสังคมยั่งยืน

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จับมือ ช่อง 7HD สื่ออันดับ 1 ของประเทศ ต่อยอดสู่ความเป็นเลิศด้านการศึกษาผ่านสื่อสร้างสรรค์เพื่อสังคมยั่งยืน

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ ช่อง 7HD ลงนามบันทึกความร่วมมือเพื่อพัฒนาด้านสื่อและการศึกษา โดยมีเป้าหมายสำคัญในการเสริมสร้างโอกาสให้นิสิตและเยาวชนได้พัฒนาทักษะและแสดงศักยภาพผ่านการผลิตสื่อสร้างสรรค์ พร้อมผลักดันกิจกรรมหลากหลายที่ตอบสนองความต้องการของสังคมในยุคดิจิทัล

โดย ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคุณพัฒนพงค์ หนูพันธ์ กรรมการผู้จัดการ ช่อง 7HD ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ช่อง 7HD สร้างสรรค์สื่อเพื่อการศึกษาและสังคมยั่งยืน นอกจากนี้ยังร่วมเปิดมุมมองวิสัยทัศน์ผู้บริหาร หัวข้อ “Future Media Trend in the Era of AI” อีกด้วย ณ เรือนจุฬานฤมิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568

ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะเตรียมความพร้อมให้นิสิตและเยาวชนสำหรับโลกยุคดิจิทัล ความร่วมมือนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของจุฬาฯ ในการพัฒนาสื่อที่สร้างสรรค์และมีคุณภาพเพื่อขับเคลื่อนสังคม การทำงานร่วมกับช่อง 7HD ซึ่งเป็นผู้นำสื่ออันดับ 1 ที่อยู่คู่ประเทศไทยมายาวนาน จึงมีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม และที่สำคัญคือมีอุดมการณ์ร่วมกันในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีเพื่อเยาวชนและสังคมจะช่วยให้นิสิตได้เรียนรู้และมีประสบการณ์จริง ในการผลิตและสร้างสรรค์สื่อที่มีคุณภาพ เป็นการขับเคลื่อนเพื่อสังคมที่ดีและยั่งยืน”

คุณพัฒนพงค์ หนูพันธ์ กรรมการผู้จัดการ ช่อง 7HD กล่าวว่า “เรายินดีมากที่ได้ร่วมงานกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การสนับสนุนเยาวชนเป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่นมาตลอด ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างโอกาสใหม่ ๆ สำหรับเยาวชน ควบคู่ไปพร้อมกับการพัฒนาสื่อที่มีคุณภาพ เปิดโอกาสให้นิสิตได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ผลิตสื่อในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมร่วมมือต่อยอดการพัฒนา AI ที่ฉลาดในการสื่อสาร เพื่อตอบโจทย์สังคมยุคปัญญาประดิษฐ์ให้เติบโตขึ้นอย่างยั่งยืน”

ซึ่งในปรากฏการณ์ความร่วมมืออันสำคัญในครั้งนี้ ได้รับการต้อนรับจากมืออาชีพและบุคลากรชั้นนำจากหลากหลายสาขา ทั้งคณะผู้บริหารจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้บริหาร ผู้ผลิตสื่อในแวดวงบันเทิง ดนตรี กีฬา และแฟชั่น ให้เกียรติมาร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามในครั้งนี้กันอย่างคึกคัก อาทิ คุณไบรอัน แอล มาร์การ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน), คุณกิติกร เพ็ญโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลิโคเนีย เอช กรุ๊ป จำกัด, ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด,คุณจิติณัฐ อัษฎามงคล ประธาน วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย, คุณจิรัฐ บวรวัฒนะ CEO และ คุณณัฐพล บวรวัฒนะ CMO บริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด, คุณศิริพิชญ์ วิมลโนช CEO บริษัท มากกว่าฝัน จำกัด, คุณภาคิณ ทองธีระโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออล บาย เบสท์ จำกัด พร้อมด้วยนักแสดงจากช่อง 7HD ไมค์-ภัทรเดช สงวนความดี, หลุยส์ เฮส, เจนนี่-ชยิสรา วัฒนะนาวิน รวมถึงนิสิตเก่าจุฬาฯ แก้ม-ญาณิศา ธีราธร, มันนี่-กิจจำนง จำนงกิจ และ 2 ผู้ประกาศข่าว อาย-ศรสวรรค์ ภู่วิจิตร, บัวบูชา ปุณณนันท์ มาร่วมพิธีสำคัญครั้งนี้ด้วย

โดยความร่วมมือนี้ มุ่งเน้นการส่งเสริมเยาวชนรุ่นใหม่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการผลิตสื่อและกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น การพัฒนาคอนเทนต์ด้านข่าว บันเทิง ดนตรี กีฬา และแฟชั่น รวมถึงการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การเรียนรู้ที่ตอบโจทย์การศึกษาในยุคใหม่ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างจุฬาฯ และช่อง 7HD นิสิตจะได้รับโอกาสในการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในวงการสื่อสารมวลชน ได้สัมผัสประสบการณ์ตรงจากอุตสาหกรรม และสร้างเครือข่ายสำคัญที่ช่วยพัฒนาทักษะจำเป็น พร้อมทั้งสนับสนุนการศึกษาโดยบูรณาการทรัพยากรจากภาคการศึกษาและภาคธุรกิจ เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของความเชื่อมโยงระหว่างสถาบันการศึกษาและอุตสาหกรรมสื่อ เพื่อยกระดับการศึกษาไทยให้มีคุณภาพด้วยสื่อสร้างสรรค์ และนำไปสู่การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

TWC เชิญบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ร่วมเวิร์คชอป Action Booster

TWC ขอเชิญบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ผู้ประกอบการ และบุคคลทั่วไป ที่ต้องการเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ แก้นิสัยผัดวันประกันพรุ่ง ช่วยให้กลับมามีวินัยในตัวเอง สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อการพัฒนาองค์กรที่ยั่งยืน เข้าเวิร์คชอป Action Booster ขจัดนิสัย “ผัดวันประกันพรุ่ง” ให้สำเร็จ! ที่ “Life Lab Academy” จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2568

นายยาห์วายุ สดุดีปรีดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (The Way Communication) หรือ TWC และบริษัท แรปเชอร์ จำกัด (Rapture) เปิดเผยว่า ปัจจุบันหลายคนพบว่าตัวเองมีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง ทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ส่งผลทำให้ภารกิจหรืองานสำเสร็จลุล่วงได้ล่าช้าหรือทำไม่เสร็จ และหากผัดวันประกันพรุ่งจนเป็นนิสัย อาจส่งผลเสียต่อความสำเร็จในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ซึ่งหลายคนพยายปรับแก้แต่ยังไม่ประสบผล
เพื่อขจัดนิสัยที่ขัดขวางความก้าวหน้า “Life Lab Academy” จึงจัดเวิร์คชอป Action Booster ขจัดนิสัย “ผัดวันประกันพรุ่ง”ให้สำเร็จ! เพื่อพัฒนาตัวเองและขจัดนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง โดยบริษัท เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (The Way Communication) และบริษัท แรปเชอร์ จำกัด (Rapture) ขอเชิญบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงบริษัท องค์กร ผู้ประกอบการ SME และบุคคลทั่วไปที่สนใจ เข้าเข้าเวิร์คชอป Action Booster ขจัดนิสัย “ผัดวันประกันพรุ่ง” ให้สำเร็จ! กับทาง Life Lab Academy ในวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2568 เพียงท่านละ 999 บาท สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และลงทะเบียนเข้าอบรมได้แล้วที่ @lifelab หรือ หมายเลขโทรศัพท์ 064 559 5989
ทั้งนี้ เวิร์คชอป Action Booster ขจัดนิสัย “ผัดวันประกันพรุ่ง” ให้สำเร็จ! ไม่เพียงช่วยเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างนิสัยใหม่ที่ดีขึ้นให้กับตัวเองเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยการสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ที่คำนึงถึงการเติบโตของผลประกอบการ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล หรือ ESG โดยเฉพาะมิติด้านสังคม (Social) ที่บริหารทรัพยากรบุคคลอย่างเป็นธรรม เท่าเทียม พร้อมมุ่งพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตพนักงานและการทำงานสู่ความสำเร็จ สอดรับกับนโยบายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนฯ ดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึง ESG ช่วยให้ธุรกิจมีศักยภาพในการเติบโตและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน

ด้าน “โค้ชวิวี่ วรดาภา ธิดาราพัชร์” ผู้เชี่ยวชาญจิตภาษาศาสตร์ และการสะกดจิต จาก Life Lab Academy กล่าวว่า Action Booster ขจัดนิสัย “ผัดวันประกันพรุ่ง”ให้สำเร็จ! จัดขึ้น เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 9 ปี Life Lab Academy โดยเวิร์คชอป Action Booster เป็นการแก้นิสัยผัดวันประกันพรุ่งให้หายไป ผ่านกระบวนการทางจิตภาษาศาสตร์ และ NLP (Neuro-Linguistic Programming) ที่ให้ผู้เข้าร่วมเวิร์คชอปได้ลงมือปฏิบัติจริงในทันที ซึ่งกระบวนการ กิจกรรม และแนวคิดทั้งหมด ได้รับแรงบันดาลใจจากงานวิจัยปริญญาเอก สาขาอายุรโยคะ Yoga-Samskrutham University, Florida สหรัฐอเมริกา ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์แห่งชีวิต และการใช้วิถีธรรมชาติสร้างความสำเร็จ โดยงานวิจัยนี้ ได้กล่าวถึงสาเหตุและวิธีการแก้ไขอาการผัดวันประกันพรุ่ง ซึ่งมักเป็นเหตุให้ทำงานกับเดดไลน์ หรือทำงานไม่สำเร็จตาม KPI ขององค์กร

ทั้งนี้ เวิร์คชอป Action Booster เหมาะสำหรับบริษัท ที่มีบริหารงานระดับ Middle Management ขึ้นไป รวมถึง ผู้ประกอบการ SME และผู้ที่สนใจในศาสตร์พัฒนาตัวเอง ในการเข้าสัมผัสประสบการณ์นวัตกรรมทาง NLP จิตภาษาศาสตร์​ และการสะกดจิต เพื่อปรับแก้นิสัยการผัดวันประกันพรุ่ง เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่มีวินัย กลายเป็นบุคคลคุณภาพ เต็มเปี่ยมด้วยความรับผิดชอบต่อชีวิตส่วนตัว ครอบครัว การทำงาน และองค์กร โดยบุคคลที่สนใจเลิกนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง หรือองค์กรที่ต้องการปลดล็อกศักยภาพพนักงานในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันเพื่อความสำเร็จอย่างยังยืน สามารถสมัครเข้า
ร่วมเวิร์คชอป Action Booster ได้ทันทีที่ @lifelab
หมายเลขโทรศัพท์ 064 559 5989 เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป