Category Archives: TRAVEL

อิสระ ชูภักดี ปลุกกกให้ได้เกิดทั้งคนปลูกคนทอคนทำ

ปลุกกกให้เกิด” ผ่านการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกันตั้งแต่ คนปลูก คนทอ จนถึงคนสร้างสรรค์ โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมจากชุมชน ผสานดีไซน์ร่วมสมัยและแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เสื่อกกไม่ใช่แค่วัสดุท้องถิ่น แต่กลายเป็นแรงบันดาลใจใหม่ในแฟชั่นและการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน โดยการทำงานร่วมกับ ป้าๆ ที่พวกเราเรียกว่าแม่ครู ทุกคนยินดีสอนและให้คำแนะนำแบบไม่หวงวิชา พอได้ลงมือทำเองรู้เลยว่ายากมาก กว่าจะเป็นกกแต่ละเส้นไม่ใช่เรื่องง่าย จึงเข้าใจว่าทำไมคนรุ่นใหม่ไม่อยากทำ เพราะทำช้า ได้เงินน้อย ในขณะที่เรามองว่านี่แหละคืออาชีพที่ยั่งยืน ไม่ร่ำรวยแต่อยู่ได้ มีความสุข

นายอิสระ ชูภักดี (อิส) ชาวจันทบุรี New Young Craft ปี 2567 เจ้าของแบรนด์ กอกก ( korkok) จังหวัดจันทบุรี คนรุ่นใหม่ที่นำกกมาทำประโยชน์ สร้างเป็นแบรนด์ของตัวเอง คุณอิสจบปริญญาตรี วิชาเอกสื่อสารมวลชน คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันทำธุรกิจส่วนตัวกับครอบครัว และเป็นคอลัมนิสต์ให้กับวารสารจันท์ยิ้ม จุดเริ่มต้นของการทำแบรนด์ (แรงบันดาลใจ)จากปลุกกกให้เกิด พัฒนาต่อยอดอย่างงดงาม KORKOK คือ แบรนด์กระเป๋าเสื่อกกจันทบูร ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวจันทบุรี 

“กกสองน้ำ” กกพื้นถิ่นที่เติบโตในน้ำกร่อย ให้เส้นใยเหนียว มันวาว สวยงาม ทอเป็นเสื่อกกจันทบูรที่มีคุณภาพ แข็งแรง ทนทาน ไม่ขึ้นรา งานหัตถศิลป์ร่วมสมัยที่ผสานภูมิปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ และแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง สู่ผลิตภัณฑ์ GI มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ เพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน  ปกติคนทำกก พอตากแห้งแล้วก็จะเก็บเป็นสต๊อกไว้ทอเป็นเสื่อตลอดปี เราให้ป้าทอเสื่อให้ พอจะจ่ายเงิน ป้าบอกไม่เอาเงินแต่ขอเป็นกกแห้งแทน เงินดูจะไม่สำคัญเท่าการมีกกไว้ คนทำเสื่อเค้ารู้ดีว่าการมีกกแห้งไว้เหมือนมีทองคำประดับกาย คำว่ากกแพงกว่าทองคำนั้นดูจะเป็นเรื่องจริง เพราะกกคืองาน กกคือสร้างรายได้ กกคือชีวิต ฤดูกาลเก็บเกี่ยวในรอบนี้  ผลผลิตจาก กกสดราวๆ 700 กก. จ้างตัด จ้างจัก งบประมาณราวหมื่นกว่า ทำแห้งเสร็จรวมยอดได้ 139 กก. ราคาขาย กก.ละ 120 บาท รวมรายได้ 16,680 บาท แต่ในระหว่างขั้นตอน มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งนี่-นั่นกระจายระหว่างทางที่ไม่ได้คิด เบ็ดเสร็จหักลบค่าต้นทุนกับรายได้ะพอดีกัน กำไรไม่เห็น แต่สิ่งที่ได้ คือ รอยยิ้มและความภาคภูมิใจ ต่อวงจรชีวิตกกเพื่อให้คงอยู่ การปลูกกกที่ไม่ได้หวังเพียงกำไร แต่เห็นรอยยิ้มของคนทำเสื่อ มีกกไว้ใช้ก็ดีใจแล้วทำเท่าที่กำลังไหว และจะทำต่อในวิถีชีวิตแบบคนจันทบุรี เราเข้าใจแล้วว่า ‘ขาดทุนคือกำไร‘ มันมีความหมายอย่างไร แม้จะเหนื่อยแต่มีความสุข 

KORKOK ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและเรื่องราว จากเส้นกกธรรมชาติสู่ดีไซน์ร่วมสมัย ผสานพลังของ ‘แม่ครูทอเสื่อ’ รุ่นเก๋า กับความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ สู่แฟชั่นไอเท็มที่งดงามและเปี่ยมเสน่ห์เหนือกาลเวลาจากสิ่งของที่เป็นเพียงเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน วันนี้เสื่อจันทบูรถูกพัฒนาต่อยอดเป็นของตกแต่ง ของที่ระลึก และสินค้าไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย อาทิ กระเป๋า พรม ปลอกหมอน และของประดับบ้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์แล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนอีกด้วย

ปลุกกก ให้ได้เกิด ทั้งคนปลูก คนทอ คนทำ
TEL: 085 199 2488
FB  : KORKOK
IG  : KORKOKCHAN

เครดิตภาพ FB  : KORKOK

#KORKOK
#เสื่อกกจันทบูร
#SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
#KORKOK #เสื่อกกจันทบูร
#มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ
#ปลุกกกให้ได้เกิดทั้งคนปลูกคนทอคนทำ

SACIT ร่วมอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยผ่านงานกกและเสื่อจันทบูร สู่ผลงานสร้างสรรค์ร่วมสมัย

สืบสานหัตถศิลป์ถิ่นสีสันชุมชน” SACIT ร่วมอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยผ่านงานกกและเสื่อจันทบูร สู่ผลงานสร้างสรรค์ร่วมสมัย

จันทบุรี 24 กรกฎาคม 2568: งาน “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จันทบุรี จัดขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จังหวัดจันทบุรี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นจากครูช่างศิลป์และคนรุ่นใหม่ พร้อมเสวนาสุดเข้มข้นที่จะทำให้มองเห็นอนาคตใหม่ของงานหัตถกรรมไทย และส่งเสริมการเยี่ยมชมแหล่งผลิตเสื่อกกและผลิตภัณฑ์จากกก แหล่งเพาะปลูกกก และศูนย์หัตถกรรม จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT

ภายในงาน “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จังหวัดจันทบุรี ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสเบื้องหลังความงามของงานศิลปหัตถกรรมไทย และเรื่องราวของการทอเสื่อกกอันเป็นเอกลักษณ์ ชมผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์จากเส้นกกที่ผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมและการออกแบบสมัยใหม่ พร้อมกิจกรรมเวิร์กชอปผ่านการสาธิตจริงจากช่างฝีมือท้องถิ่นที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้ทดลองเรียนรู้และสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเองไฮไลต์กิจกรรมภายในงาน วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ได้แก่ การสาธิตการทอเสื่อกกแบบดั้งเดิม โดยช่างฝีมือท้องถิ่น, เวิร์กชอปเรียนรู้การออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานจากกก, นิทรรศการและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเสื่อกกจันทบูร ทั้งแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย และการเสวนาจากผู้เชี่ยวชาญด้านหัตถศิลป์และช่างฝีมือท้องถิ่นในหัวข้อ “ต้นน้ำที่กำลังจะสูญหาย” และ “โอกาสของกกในมิติต่างๆ” ที่จะทำให้มองเห็นศักยภาพและอนาคตใหม่ของงานหัตถกรรมไทย โดยครูจุไรรัตน์ สรรพสุข ครูช่างศิลปหัตถกรรม ประจำปี 2558 และคุณอิสระ ชูภักดี คนรุ่นใหม่ New Young Craft 2567

นางสาวแสงระวี สิงหวิบูลย์
รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย

นางสาวแสงระวี สิงหวิบูลย์ รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย กล่าวว่า SACIT มุ่งเน้นที่จะสร้างความยั่งยืน และสืบสานงานศิลปหัตถกรรมไทย จึงได้มีการส่งเสริมงานช่างฝีมือดั้งเดิมให้มีการประกอบอาชีพ และพัฒนากระบวนการสร้างสรรค์ศิลปหัตถกรรมไทย ทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ และใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ในทุกประเภทของงานหัตถกรรม และทั่วทุกภาคของประเทศ โครงการ “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จังหวัดจันทบุรี นี้ จึงจัดขึ้นเพื่อต่อยอดและส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับชุมชน สนับสนุนการอนุรักษ์งานหัตถศิลป์ สืบสานภูมิปัญญาการทอเสื่อกกของชุมชนจันทบุรี และสร้างความภาคภูมิใจในมรดกทางวัฒนธรรมไทยที่สืบทอดมายาวนาน รวมทั้งการต่อยอดงานหัตถศิลป์ให้เป็นผลิตภัณฑ์ร่วมสมัย เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และมีส่วนร่วม และช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสร้างรายได้สู่ท้องถิ่นได้ในระยะยาว เสน่ห์ “กก” และ “เสื่อจันทบูร” หัตถศิลป์ทรงคุณค่าคู่ชุมชนจันทบุรี

“กก” คือพืชท้องถิ่นที่เติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มน้ำของจังหวัดจันทบุรี ชาวบ้านนำมาผ่านกระบวนการเก็บเกี่ยว ตากแห้ง จัดเส้น และย้อมสีอย่างประณีต ก่อนนำมาทอเป็นเสื่อและของใช้ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดจากบรรพบุรุษมาอย่างยาวนาน

จุดเด่นของ “เสื่อจันทบูร” อยู่ที่ความละเอียดในการทอ ลวดลายที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ และสีสันที่สดใสไม่ซ้ำใคร โดยฝีมือช่างผู้มีประสบการณ์ ประกอบกับคุณสมบัติของต้นกกในพื้นที่จันทบุรีที่มีลักษณะเฉพาะ มีความแข็งแรง คงทน ทำให้เสื่อมีความทนทาน มันวาว เหมาะสำหรับการใช้งานจริง และยังเป็นงานศิลป์ที่สะท้อนถึงรสนิยมและอัตลักษณ์ของชุมชน
จากสิ่งของที่เป็นเพียงเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน วันนี้เสื่อจันทบูรถูกพัฒนาต่อยอดเป็นของตกแต่ง ของที่ระลึก และสินค้าไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย อาทิ กระเป๋า พรม ปลอกหมอน และของประดับบ้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์แล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนอีกด้วย

งาน “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จังหวัดจันทบุรี เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสำคัญของสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT ที่ต้องการส่งเสริม สืบสานงานหัตถศิลป์ไทยร่วมกับชุมชน และนำไปสู่การร่วมกำหนดทิศทางและการดำเนินการร่วมกันในทุกภาคส่วน เพื่อให้การเชื่อมโยงงานศิลปหัตถกรรมเข้ากับมิติต่างๆ ของสังคม และการท่องเที่ยว โดยมีการขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่าน “ครูศิลป์ของแผ่นดิน และครูช่างศิลปหัตถกรรม” และมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับ ภาคีเครือข่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในท้องถิ่น มุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้กับเครือข่ายต่างๆ ให้ได้ร่วมคิด ร่วมทำ เกิดความคิดและทางเลือกใหม่ ๆ เกิดพลังชุมชนที่เข้มแข็งจากฐานราก มีความพร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้งานศิลปหัตถกรรมในพื้นที่ สร้างความเชื่อมโยงระหว่างผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม วิถีชุมชน กับการท่องเที่ยวได้อย่างสมดุล ซึ่งช่วยให้ชุมชนสามารถพัฒนาสู่การเป็นแหล่งเรียนรู้งานศิลปหัตถกรรมและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ศิลปหัตถกรรมไทย ตลอดจนเป็นส่วนสำคัญในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน

เติมรักกลางเทือกเขาหิมาลัย กับ 7 เหตุผลที่คู่รักควรไปฮันนีมูนที่ภูฏาน

อากาศเย็นตลอดทั้งปีที่ประเทศภูฏานจะเป็นโอกาสสุดเพอร์เฟ็คท์ให้คู่รักได้เติมความรัก และความอบอุ่นซึ่งกันและกัน ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติกซึ่งมีเทือกเขาหิมาลัยเป็นฉากหลังอันตระการตา นอกจากภูฏานจะสามารถคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม และวิถีชีวิตอันเรียบง่ายแสนงดงาม ประเทศแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยกิจกรรมอีกมากมายหลายประเภทที่เหมาะกับคู่รักซึ่งกำลังเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยกัน ลองดู 7 เหตุผลนี้ แล้วจะรู้ว่าทำไมภูฏานถึงเหมาะกับการฮันนีมูนมากที่สุด

  1. เพราะเป็นดินแดนที่งดงามและเงียบสงบ
    คนทั้งโลกรู้กันดีว่าภูฏานเป็น ‘ดินแดนแห่งความสุข’ ที่นี่เลยเหมาะกับคู่รักที่อยากหาที่พักผ่อนเงียบ ๆ ฟื้นฟูร่างกายหลังจากจัดงานแต่ง และได้ใช้เวลาแบบโรแมนติกร่วมกัน เนินเขาที่เรียงสลับคล้ายภาพวาด ศาสนสถานสมัยโบราณ และทัศนียภาพที่สวยตระการตาจะสร้างพลังบวกสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ ไม่ว่ากิจกรรมที่ทำร่วมกันจะเป็นการเดินสำรวจหมู่บ้านกลางหุบเขา หรือนอนฟังเสียงธรรมชาติ ภูฏานก็จะมอบช่วงเวลาแห่งความสุขอันสมบูรณ์แบบให้กับคุณได้
  2. เพราะเป็นประเทศที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี
    ฤดูหนาวช่วงต้นปีจะสร้างบรรยากาศโรแมนติกด้วยฉากหิมะที่ปกคลุมเทือกเขา และการผิงไฟในบ้านพักแบบโฮมสเตย์ หลังจากนั้นอากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้าแจ่มใส่ อากาศเย็นสบายตลอดวัน เหมาะแก่การถ่ายรูป และเดินป่าในเส้นทางที่ชอบ ส่วนคู่รักคู่ไหนที่รักสีเขียวชอุ่มของพืชพรรณ และวัตถุดิบท้องถิ่น ฤดูร้อนจะเป็นช่วงที่ผลิตผลทางการเกษตรออกผลให้ได้ลิ้มลองรสธรรมชาติ รวมถึงของป่าหายาก และยังมีเทศกาลเฉลิมฉลองให้เข้าร่วมอีกมากมาย
  3. เพราะจะสร้างนิยามใหม่ของความโรแมนติก
    ภูฏานไม่ได้มีแค่ธรรมชาติที่สวยงาม แต่ยังเต็มไปด้วยกิจกรรมที่จะสร้างรสชาติใหม่ของความรักให้กับคู่ของคุณ การเดินขึ้นเขาเพื่อไปยังวัดถ้ำเสือ (Tiger’s Nest Monastery) ซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าผาเป็นประสบการณ์ที่ห้ามพลาด เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่คู่รักจะได้พิชิตเส้นทางศักดิ์สิทธิไปพร้อมกัน หรือจะเยือนพูนาคาซอง ป้อมปราการศักดิ์สิทธิซึ่งเคยเป็นศูนย์บัญชาการสำคัญซึ่งตั้งอยู่ในเมืองพูนาคา อดีตราชธานีของภูฏาน หรือจะเพิ่มดีกรีความตื่นเต้นในหุบเขาอันเงียบสงบของเมือง บุมทัง และ กังเตย์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปจากเมืองหลวง เหมาะกับการใช้เวลาอยู่ร่วมกันสองต่อสองเป็นที่สุด
  4. เพราะสามารถบอกรักกันและกันผ่านอาหารภูฏาน
    ร้านอาหารในประเทศภูฏานจะอบอวลไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกแสนเรียบง่าย อย่างเช่นที่ร้าน Folk Heritage Museum ที่นำเสนออาหารภูฏานแท้ มาพร้อมกลิ่นอายของประเพณี และวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม หรือที่ร้าน Babesa Village ซึ่งเสิร์ฟอาหารภูฏานแบบร่วมสมัยในบ้านเก่าอายุกว่า 600 ปี ส่วน Champaca Café ที่เมืองพาโร จะเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ตกแต่งได้น่ารัก เหมาะสำหรับนั่งพักระหว่างการเดินทาง หรือนั่งพูดคุยกันสองคนพร้อมจิบกาแฟกลิ่นหอม สำหรับใครที่อยากลองมื้อแบบมังสวิรัติ ต้องไปที่ร้าน Sonam Trophel และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือร้าน Zombala เพราะเกี๊ยวนึ่ง และพริกผัดชีสของเขา อร่อยขึ้นชื่อจนกลายเป็นร้านที่คนท้องถิ่นแนะนำเป็นเสียงเดียวกัน
  5. เพราะรวมสถานที่เที่ยวสุดประทับใจ ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย
    ใครที่กำลังมองหาสถานที่สำหรับฮันนีมูนเพื่อเก็บความทรงจำให้อยู่ในใจตลอดไป ภูฏานตอบโจทย์ในทุกข้อ เพราะภูมิประเทศในแต่ละจังหวัดมีความสวยงามที่แตกต่างกันไป เช่น จุดชมวิวโดชูล่า (Dochula Pass) ทางผ่านระหว่างไปเมืองพูนาคา ที่สามารถมองเห็นยอดเขาหิมะหลายแห่งซึ่งทอดตัวเรียงกันอย่างสวยงาม ส่วนสถานที่สุดโรแมนติกต้องยกให้เมืองพูนาคา ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมระดับลักซ์ชูรีหลายแห่ง ได้ทั้งทิวทัศน์ของแม่น้ำ Mo Chhu และภูเขาอันเงียบสงบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายรูปในโมเม้นต์แสนโรแมนติก
  6. เพราะมีกิจกรรมผจญภัยสุดตื่นเต้น
    คู่รักคู่ไหนที่มาสายแอดเวนเจอร์ ก็มาใช้เวลาฮันนีมูนที่ภูฏานได้เหมือนกัน เพราะรวมกิจกรรมสุดตื่นเต้นให้เลือกทำได้มากมาย ตั้งแต่การล่องแก่งในแม่น้ำ Pho Chhu และ แม่น้ำ Mo Chhu พร้อมชมวิถีชีวิตสองข้างทาง และมองเห็นสะพานแขวนที่ประดับตกแต่งด้วยธงมนต์หลากสี ส่วนใครที่ฟิตร่างกายมาอย่างเต็มที่ต้องไม่พลาดเส้นทางเดินป่าสุดมันที่ Jomolhari และ Druk Path ซึ่งจะได้เห็นภูมิประเทศในมุมที่ต่างออกไป หลังเสร็จกิจกรรมแล้ว แนะนำให้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าด้วยการแช่น้ำหินร้อนสไตล์ดั้งเดิม ส่วนใครที่มองหาประสบการณ์ที่อยากทำสักครั้งในชีวิต ต้องลองเล่นพาราไกลดิ้งพร้อมกัน เพราะจะได้เห็นประเทศภูฏานในมุมสูง และได้เป็นหนึ่งในไม่กี่คู่รักที่เคยทำกิจกรรมนี้!
  7. เพราะเป็นประเทศที่ความลักซ์ชูรีผสานกับวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว
    หากเคยลองมาเข้าพักในรีสอร์ทระดับลักซ์ชูรีที่ประเทศภูฏาน ก็จะพบว่าทั้งการตกแต่ง และงานบริการได้สอดแทรกประเพณี และวัฒนธรรมของความเป็นภูฏานไว้อย่างลงตัว คู่รักสามารถเลือกดินเนอร์สุดโรแมนติกใต้แสงเทียน ปรนนิบัติร่างกายกับทรีตเมนต์ที่ใช้สมุนไพรท้องถิ่น หรือเลือกห้องพักซึ่งสามารถมองเห็นวิวได้แบบพาโนรามาสุดลูกหูลูกตา ไม่ว่าคุณจะเข้าพักในรีสอร์ทแบบไหน ก็มั่นใจได้เลยว่าทุกประสบการณ์จะเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ เหมาะสมกับการฮันนีมูนที่สุด

วิถีชีวิตอันเรียบง่ายที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติแสนยิ่งใหญ่ จะทำให้เวลาที่ประเทศภูฏานเดินช้ากว่าที่ไหน เปิดโอกาสให้ทุกคู่รักได้มีช่วงเวลาคุณภาพ ราชอาณาจักรแห่งนี้จะมอบทั้งความสุข ความเป็นส่วนตัว และความทรงจำที่ดี ให้ภูฏานเป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นชีวิตคู่ของคุณ และสร้างรอยยิ้มได้ทุกครั้งเมื่อนึกถึง

ม.ราชภัฏเพชรบุรีร่วมกับ บพข. จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ วัฒนธรรมละมุน ธรรมชาติละไม เที่ยวสุขใจที่พริบพรี

เมื่อวันที่ 25-26 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี โดยอาจารย์ ดร.มธุรส ปราบไพรี อาจารย์ ดร.มลทิชาโอซาวะ และ อาจารย์ ดร.อัจฉราวรรณ เพ็ญวันศุกร์ จัดกิจกรรมทดสอบเส้นทางและกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดเพชรบุรี “วัฒนธรรมละมุน ธรรมชาติละไม เที่ยวสุขใจที่พริบพรี” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยเรื่อง การพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อยกระดับเมืองสร้างสรรค์ของจังหวัดเพชรบุรี ภายใต้แผนงานวิจัยการพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อยกระดับเมืองสร้างสรรค์ของจังหวัดเพชรบุรี ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) โดยครั้งนี้ได้นำภาคีที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบุรีทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และคณะนักท่องเที่ยว เยือนชุมชนบางตะบูน ชุมชนย่านเมืองเก่าริมแม่น้ำเพชรบุรี ชุมชนบ้านถ้ำเสือ จำนวนกว่า 50 ราย โดยมี ผอ. ดวงใจ  คุ้มสอาด ผอ.ททท.สำนักงานเพชรบุรี  ร่วมเดินทาง  

อาจารย์ ดร.มธุรส ปราบไพรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ผู้รับผิดชอบกิจกรรมในครั้งนี้ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการทดสอบกิจกรรมครั้งนี้  เพื่อประเมินเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ได้ออกแบบขึ้นมา ศึกษาความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวและภาคีที่เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การพัฒนาและส่งเสริมเส้นทางและกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เหมาะสมของจังหวัดเพชรบุรี 

หลักการของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ มีทั้งหมด 7 อ. ได้แก่
อ.1 คือ อาหาร รับประทานอาหารของท้องถิ่นที่ผ่านการปรุงและใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น มีคุณค่าทางโภชนาการ ปลอดสารและปลอดภัย เช่น อาหารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเค็ม ความหวาน เป็นต้น

อ.2 อากาศ อยู่ในพื้นที่และสภาพแวดล้อมที่อากาศที่สะอาด บริสุทธิ์ มีความเป็นธรรมชาติ สร้างความสดชื่นเพื่อช่วยให้ปอดได้พักและรับออกซิเจน พื้นที่แหล่งท่องเที่ยวไม่แออัดและไม่มีมลพิษสูง เช่น ฝุ่น PM 2.5, ควัน, และสารเคมีโลหะหนัก เป็นต้น 

อ.3 ออกกำลังกาย การออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมเพื่อบริหารร่างกายให้เกิดการเคลื่อนไหว ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดี เพิ่มการกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนดี เสริมสร้างกล้ามเนื้อ บำบัดความเครียด ลดอาการเจ็บปวดบางอย่าง และช่วยให้ระบบประสาททำงานดีขึ้น 

อ.4 อารมณ์ มีอารมณ์รื่นเริง ยินดี มีความสุข ผ่อนคลาย สนุกสนาน มีจิตแจ่มใส และเพลิดเพลิน จากการทำกิจกรรมหรือการได้รับประสบการณ์ในการเรียนรู้ร่วมกับชุมชน

อ.5 อดิเรก ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ เพิ่มพูนคุณค่า มีคุณค่าทั้งร่างกายและจิตใจ สร้างความสุข และสนุกสนาน

อ.6 อนามัย แหล่งท่องเที่ยว สินค้า และบริการที่มีความสะอาดและมีมาตรฐานด้านความปลอดภัย 

อ.7 อนุรักษ์ ใส่ใจและตระหนักการสร้างพฤติกรรมที่ยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้พลาสติก การจัดการขยะ การรักษาธรรมชาติ การสนับสนุนวัฒนธรรมพื้นบ้าน และการกระตุ้นจิตสำนึกในการดูแลโลกและตัวเอง”

อาจารย์ ดร.มธุรส ปราบไพรี กล่าวต่อว่า ทางคณะผู้จัดการทดสอบได้กำหนดลงพื้นที่ชุมชนเพื่อทำกิจกรรมไว้ 3 ชุมชน คือบางตะบูน อำเภอบางตะบูน จังหวัดเพชรบุรี ชุมชนย่านเมืองเก่าริมน้ำเพชรบุรี อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ชุมชนบ้านถ้ำเสือ อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยถือเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งด้านศักยภาพในการจัดการท่องเที่ยวและมีวัฒนธรรมที่โดดเด่น ในทั้ง 7 อ. ดังที่กล่าวมาแล้ว 

อย่างชุมชนบางตะบูน  ก็จัดให้มีการล่องเรือเพื่อชื่นชมและเพลิดเพลินไปกับวิถีชุมชนชาวประมง ทางนักท่องเที่ยวนอกจากจะได้ล่องเรือสัมผัสกับบรรยากาศของผืนน้ำและชุมชนสองฝั่งแม่น้ำ ยังมีการจัดให้ชมการเลี้ยง หอยนางรม หอยแครง หอยแมลงภู่ บริเวณปากอ่าวบางตะบูน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งเลี้ยงหอยอันดับต้นๆของประเทศ ซึ่งบริเวณท่าน้ำวัดปากอ่าวบางตะบูนมีเรือสำหรับนำนักท่องเที่ยวโดยไต๋เรือชาวชุมชนคอยให้การต้อนรับ 

ผู้จัดกิจกรรมกล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ก่อนที่จะล่องเรือ ทางคณะผู้จัดฯ ได้นำสู่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เทศบาลตำบลบางตะบูน เพื่อทำเวิร์คช็อป การทำผ้ามัดย้อม การนำวัสดุเหลือใช้เช่นแห อวนมาถักทอเป็นกระเป๋าใส่ของใช้ การทำขนมโบราณ การใช้ปลิงบำบัดนำเสนอการรักษาสุขภาพโดยปลิง 

ร้านยุ้งเกลือ ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ที่บ้านแหลม ที่ที่ไม่ใช่เพียงแค่ร้านอาหารที่มีวิวสวยแต่อาหารอร่อย แต่ถือเป็นร้านที่มีตำนานของชุมชนนาเกลือที่ทำนาเกลือมากว่าแปดสิบปี และบอกเล่าเรื่องราวผ่านพิพิธภัณฑ์ของทางร้านโดยคนรุ่นที่สี่ 

การเยือนชุมชนย่านเมืองเก่าริมน้ำเพชรบุรี อำเภอเมือง เริ่มต้นกิจกรรมจากที่พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดพลับพลาชัย ด้วยการเวิร์คช็อปเรียนรู้การตอกกระดาษ ก่อนจะพาคณะเดินชมชุมชนเก่าริมน้ำ เดินชมสตรีทอาร์ทและวิถีชุมชน นมัสการหลวงพ่อวัดมหาธาตุ ก่อนจะกลับมาทานอาหารในแบบขันโตกโดยนำเสนออาหารเชิงสุขภาพ พร้อมกับรับชมหนังใหญ่และการฝึกเชิดหนังใหญ่ การแสดงละครชาตรีละครพื้นบ้านที่ส่งต่อทางวัฒนธรรมจากเด็กๆ และชาวชุมชน โดยพี่น้อย – คุณรมยกรณ์ เอราวัณ 

ในวันถัดมา เป็นการทำกิจกรรมที่ชุมชนถ้ำเสือที่ขึ้นชื่อด้านชุมชนท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ จัดให้ร่วมกิจกรรมสาธิตทำทองม้วนเงินล้าน ทองม้วนน้ำตาลโตนด โดย คุณยายวรรณา อินมี ผู้คิดสูตร  เรียนรู้กิจกรรมเสือปั้นไข่ สอนการทำไข่เค็มหมักดอกอัญชัญ การร่วมอนุรักษ์ป่าด้วยการนำเมล็ดพันธ์พืชไม้ยืนต้นไปปั้นดินยิงหนังสติ๊กเพื่อปลูกป่าโดย พี่น้อย – คุณสุเทพ พิมพ์ศิริ เป็นกิจกรรมสุดท้าย”

ทั้งนี้ หลังจากการทดสอบเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทางคณะผู้จัดกิจกรรมในครั้งนี้จะนำข้อเสนอแนะ ความคิดเห็นต่างๆ จากผู้ร่วมกิจกรรมเพื่อนำไปปรับปรุงและนำเสนอแก่หน่วยงานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่อไป

ประสบความสำเร็จล้นหลาม ! JEJU Comeback

ประสบความสำเร็จล้นหลาม ! JEJU Comeback นักท่องเที่ยวไทยบินตรงแบบเช่าเหมาลำสู่เกาะเชจู คึกคัก “ทรู เวิลด์ ทราเวล” เผยเตรียมเปิดบริการอีกครั้งวันฉัตรมงคลนี้

สายการบินโลว์คอสอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ Jeju Air บริษัท เจจูแอร์ จำกัดสายการบินราคาประหยัดแห่งแรกและที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ที่มีฐานการบินหลักที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชจู และมีสำนักงานใหญ่ในนครเชจูประกาศความร่วมมือกับบริษัททัวร์อันดับต้นๆ ของไทย ทรู เวิลด์ ทราเวล ทำสัญญาเช่าเหมาลำนำคนไทยเที่ยวเกาะเจจูแบบบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เกาะเจจู กลับมาอีกครั้งรอบสองปี เมื่อวันสงกรานต์ที่ผ่านมา

นาย ยุนโฮ ชอย ผู้จัดการประจำภูมิภาคเชจูแอร์ สำนักงานในประเทศไทย (Mr. Yoonho Choi Regional Manager Jeju Air) เผยว่า “สายการบิน เชจูแอร์ สายการบินโลวคอสอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ มีความยินดีที่จะประกาศการกลับมาให้บริการเส้นทาง กรุงเทพ–เชจู อีกครั้งในรอบ 2 ปี ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่เกาะเชจู ซึ่งเป็นเกาะที่สวยที่สุดของเกาหลีใต้ได้โดยไม่ต้องแวะพักหรือเปลี่ยนเครื่องให้ยุ่งยากอีกต่อไป

เส้นทางสู่เกาะเชจูได้เปิดให้บริการขึ้นอีกครั้ง ภายใต้สัญญาเช่าเหมาลำร่วมกับบริษัททัวร์ทรูเวิลด์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์เกาหลียอดนิยมของ Netflix เรื่อง “ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน ” ขอเชิญชวนทุกท่านมาเยี่ยมชมความงดงามของเชจูด้วยกันนะครับ

นางสาวพธู ณ สงขลา ผู้บริหาร True World Travel กล่าวว่า “เกาะเชจูมีจุดเด่นตรงที่เป็นเกาะมรดกโลก ที่ใครหลายๆ คนอยากไปเที่ยว นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่เป็นเมืองธรรมชาติ มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ทุ่งดอกไม้สวยงาม เช่นทุ่งโบกอม โดยเฉพาะเป็นเมืองที่อากาศดี อากาศที่บริสุทธิ์ สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี รวมถึงการที่มี ซีรี่ส์เกาหลีหลายๆ เรื่องไปถ่ายทำกันที่นั่น เราก็ไม่หลุดเทรนด์ ก็จัดให้คนไทยได้ไปเที่ยวเกาะเชจูด้วยกัน

เกาะนี้ไม่ใช่เส้นทางใหม่ของบริษัทฯ สายการบินไม่ได้เปิดบินตรงมาสองปี รอบนี้กลับมา เรียกว่า Come back ให้กลับไปเที่ยวเกาะเชจูกันได้ง่าย ๆ แบบไม่ต้องแวะเมืองอื่น ทำให้คนไทยที่คิดถึงเกาะเชจูอยู่ได้ไปเที่ยวเกาะนี้ได้สมใจแบบสะดวกสบายเกาะเชจูรอบนี้ เปิดไฟล์ทนี้เป็นไฟล์ทแรก คือช่วงสงกรานต์ และไฟล์ทที่สองเป็นวันฉัตรมงคล ในวันที่ 2-5 พฤษภาคม 2568

ส่วนนักท่องเที่ยวต้องการท่องเที่ยว สามารถเที่ยวจองตรงกันได้บินตรงเหมือนกันและ หลังจากนั้นเดือนมิถุนายน สายการบินเปิดกันแบบระยะยาวไปจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้า บินทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ไฟล์ท ให้คนไทยได้ไปเที่ยวกันอย่างเต็มที่

นอกจากเกาะเจจูแล้ว ทางทรู เวิลด์ ทราเวล ยังมีบริการเส้นทางหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นปูซาน กรุงโซล และเส้นทางใหม่ที่หลายคนบอกว่า ปังมากคือการไปเที่ยวเกาหลีคู่กับญี่ปุ่น ตอนนี้เปิดสองเส้นทาง เกาหลีใต้คู่กับเมืองมัตสึยามะและเกาหลีใต้คู่ฮอกไกโด True World Travel รับจัดทัวร์ที่ประเทศเกาหลี ทัวร์ที่แรกที่ไปเกาะเซจูแบบบินตรงไปลงที่เซจู โปรแกรมท่องเที่ยวเมืองต่างๆ ของประเทศเกาหลี

ผู้บริหาร ทรู เวิลด์ ทราเวล กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับผู้ที่สนใจ อยากไปท่องเที่ยวเกาหลีใต้กับทรู เวิลด์ ทราเวล ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมอะไร สามารถเดินทางได้ในแบบสบายกระเป๋า ได้เที่ยวจริง ไม่มีจกตา

สามารถจองผ่าน Facebook Fanpage : trueworldtravel และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศได้ในราคาเท่ากับที่ทรู เวิลด์ ทราเวล”

เปิดประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร เพ ลา เพลิน สถานที่พักผ่อนและดูแลสุขภาพใจ

เพ ลา เพลิน สู่ Wellness Tourism เนรมิตอุทยานดอกไม้ สวนสุขภาพ พื้นที่เรียนรู้เยาวชนอุทยานเรียนรู้เพลาเพลิน อุทยานดอกไม้ ชมศูนย์สุขภาพ และกิจกรรม Workshop และตามรอยจุดถ่ายรูป สุดคูล รวมไปถึงโปรแกรมเพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจในสถานที่ท่องเที่ยวที่มักจะมีสภาพแวดล้อมที่สงบและเป็นธรรมชาติ
มองหาการท่องเที่ยวเพื่อการผ่อนคลายและฟื้นฟูตัวเองในระยะสั้น จึงเกิดเป็นกระแสของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

เอ สมฤดี จิตรจง ที่ปรึกษา เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท

วันนี้ Vespatravel มีโอกาสพบกับ คุณเอ สมฤดี จิตรจง ที่ปรึกษา เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท และอดีตรองผู้ว่าการ ททท. ด้านตลาดในประเทศ ให้การต้อนรับและพาเยี่ยมชมภายใน เพ ลา เพลิน ด้วยการนั่งรถชม อุทยานเรียนรู้เพลาเพลิน อย่างชิลๆกับอากาศเย็นๆ ตลอดเวลา ชมอุทยานดอกไม้ เพลาเพลิน ทั้ง 6 โซน ทุกคนเพลิดเพลินกับการบันทึกความทรงจำ ความสุขกับดอกไม้ การตกแต่งสถานที่สวยงาม มีพื้นที่กว่า 400 ไร่ ตั้งอยู่ใน อ.คูเมือง ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ 30 กิโลเมตร

คุณเอ -สมฤดี จิตรจง, คุณประณัย สายชมภู (ปอนด์ ) และคุณ ยุวธิดา ผลจันทร์ (พลอย) ผู้บริหาร เพ ลา เพลิน ให้การต้อนรับและพาเยี่ยมชมภายใน เพ ลา เพลิน

คุณสมฤดี จิตรจง กล่าวถึง การท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นการเดินทางเพื่อที่จะฟื้นฟูสุขภาพกายและจิตใจของนักท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมต่างๆ จุดเด่น เป็นทั้งศูนย์ฝึกอบรมบุคลากร และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและการเรียนรู้ และมีอุทยานไม้ดอกเพลาเพลิน เกิดจากความร่วมมือกับสถานทูตเนเธอร์แลนด์ และหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีไม้ดอกเมืองหนาวหลากหลายชนิด ขยายไปสู่การทำเกษตรนวัตกรรม โดยเฉพาะการปลูกสมุนไพรเพื่อส่งให้โรงพยาบาลคูเมืองเป็นโรงพยาบาลใกล้เคียงใช้รูปแบบของวิสาหกิจชุมชน การผสมผสานระหว่างการศึกษา การท่องเที่ยว การเกษตรและ สมุนไพรไทยได้อย่างลงตัว พร้อมตอบรับกระแส Wellness Tourism ที่กำลังได้รับความนิยม

เพ ลาเพลิน ในปัจจุบัน ประกอบไปด้วย 4 ธุรกิจหลัก
-ธุรกิจด้านการศึกษา การจัดหลักสูตรสำหรับนักเรียนและเยาวชน รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรอาหารเพื่อสุขภาพแบบองค์รวม

-ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว อุทยานเรียนรู้มีการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวและการศึกษาโดยมีการจัดค่ายและแคมป์สำหรับนักเรียนและประชาชนในพื้นที่

-ธุรกิจผลิตภัณฑ์สมุนไพร อย่างเช่น น้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์และผลิตภัณฑ์สปา มีโรงงานผลิตเครื่องสำอางและสมุนไพรเป็นของตนเอง

-ธุรกิจบริการด้านสุขภาพ โปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับดูแลสุขภาพใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ทาง เพ ลา เพลิน ปลูกและผลิตขึ้นเองภายใต้เอกายาสหคลินิก

รักษากายาที่ อโรคยา เวลเนส ศาลา
“อโรคยา เวลเนส ศาลา” (Arokaya Wellness Sala) เป็นศูนย์การเรียนรู้และต่อยอดการพัฒนาพืชสมุนไพร จับมือกับวิสาหกิจชุมชนศูนย์กลางการพัฒนาสมุนไพร เพ ลา เพลิน เพื่อชุมชน จ.บุรีรัมย์ ปลูกกัญชงระบบปิด เกรดทางการแพทย์ ส่งให้โรงพยาบาลคูเมือง และองค์การเภสัชกรรม และ กะเม็ง วัชพืชที่มีสารสำคัญช่วยเรื่องแผลกดทับ ส่งรพ.คูเมือง

เอกายาสหคลินิก (AROKAYA Wellness Sala) ศูนย์สุขภาพแบบองค์รวม ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งศาสตร์แผนไทย จีน และปัจจุบัน รวมทั้งคลินิกกัญชาทางการแพทย์ ทั้งหมดถูกบูรณาการรวมกันเพื่อพัฒนาสู่ Wellness Tourism ควบคู่ไปกับการยกระดับพืชและสมุนไพรไทยสู่สากล ให้บริการกับผู้ที่มาพักผ่อนและประชาชนในพื้นที่

สาโทจากนครชัยบุรินทร์
นอกจากสมุนไพรของที่นี่จะต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ทางสุขภาพแล้วยังนำไปเพิ่มมูลค่าเป็นอาหารและเครื่องดื่มจากวัตถุดิบท้องถิ่นได้อีกด้วย จากข้าวหักเหลือทิ้งในบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียงที่ไม่มีใครสนใจไยดี เพ ลา เพลิน ได้สนับสนุนวิสาหกิจชุมชนในการต่อยอดข้าวเหล่านี้เป็น AKAYA RICE WINE สุราแช่จากภูมิปัญญาพื้นบ้านของอีสาน ตามกรรมวิธีการทำสาโทพื้นบ้าน

เพลาที่เพลินใจ ณ บูติครีสอร์ท
รีสอร์ทสุขภาพที่นำสมุนไพรไทยมาเป็นจุดขาย จนมีชื่อเสียงและกลายเป็นหมุดหมายใหม่ของภาคอีสานที่หลายคนอยากมาเยือน ภายใต้ชื่อ อุทยานการเรียนรู้เพลาเพลิน ความพิเศษในการเป็นบูติค รีสอร์ทของ เพ ลา เพลิน โดยห้องพักทั้ง 73 ห้อง ที่มีเอกลักษณ์การตกแต่งด้วยการเพนต์ลายดอกไม้และสิงสาราสัตว์ที่ไม่เหมือนกันในแต่ละห่อง และสำหรับห้อง suite จะมี ‘ตู้ไทยเวลเนส’ (Thai Wellness shelf) ได้แรงบันดาลใจจาก ส่วยยา หรือ ปัจจุบันเรียกกันว่าตู้ยาสามัญประจำบ้าน ที่มีประจำทุกครัวเรือน

Play La Ploen – เพ ลา เพลิน บุรีรัมย์
เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 08.00-17.00 น.
Tel : 087 7981039
Add Line : @PlayLaPloen

Café de Oasis & Toby’s Pizza

เปลี่ยนทุกวันให้แสนพิเศษที่ Café de Oasis & Toby’s Pizza

CAFE DE OASIS & TOBY’S PIZZA เสิร์ฟกาแฟ เบเกอรี่ เน้นอาหารจานเดียว
ที่เป็นเมนูเด่นของทางร้าน โดยเสิร์ฟตั้งแต่เมนูอาหารเช้าแบบฝรั่ง ข้าวต้ม ไข่กระทะ และอาหารจานเดียว เช่น ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ผัดกะเพราเนื้อ ข้าวผัดกากหมู พิซซ่าที่อบจากเตาร้อนๆ เมนูยอดนิยมของลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทุกจานมีคุณภาพและรสชาติอร่อยสุดพิเศษ

ภาคิน พลอยภิชา ประธานกรรมการ บริษัท เดสทินี่เอ็นเตอร์ไพร์ซ จำกัด ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งโอเอซิส สปา (Oasis Spa) จังหวัดเชียงใหม่ โอเอซิส สปา
จัดเป็นสปาแถวหน้าเบอร์หนึ่งของเมืองไทยและเอเชีย และ Cafe de Oasis & Toby’s Pizza ธุรกิจในเครือ ที่สามารถทำรายได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยทำเลอยู่ใกล้ศูนย์ประชุมฯ ใกล้ศูนย์ราชการ และการเดินทางสะดวก ประกอบกับเน้นบริการเป็นสิ่งสำคัญ โดยนอกจากเมนูที่คัดสรรมากกว่า 100 เมนูแล้ว ยังได้ขยายเวลาเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-21.00 น

Cafe de Oasis & Toby’s Pizza มีความผสมผสานระหว่างความเป็น Oasis กับความทันสมัย คงคอนเซปต์ของความร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่และสวนสวย มีที่นั่งสบายๆ หลายโซน ทั้งห้องส่วนตัวเล็กๆ ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวที่มีต้นไม้ล้อมรอบ มีพื้นที่การจัดวางโต๊ะอาหารที่มีระยะห่างที่มีความเป็นส่วนตัว

สำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ที่นั่งด้านนอกใต้ร่มไม้ ที่นั่งในห้องแอร์เย็นสบาย และยังมีสวนด้านหลังสวยๆ ที่สามารถจัดอีเวนต์เล็กๆขยายพื้นที่ให้บริการจำนวนที่นั่ง และพื้นที่การจัดประชุม เพิ่มจำนวนโต๊ะรองรับลูกค้าสังสรรค์ มาเป็นกลุ่ม โดยที่นั่งเน้นความเป็นส่วนตัว

คาเฟ่ เดอ โอเอซิส ขอแนะนำ เมนูอาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึง เมนูพิซซ่า (อิตาเลียนสไตล์) เบเกอรี่ ไอศกรีม และเมนูอาหารมากกว่า 100 เมนู ขยายเวลาเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. ส่วนเมนูเครื่องดื่ม ชากาแฟ มีทั้งอาหารไทย และพิซซ่าโฮมเมด และกาแฟสูตรเฉพาะเมนูทั้งหมดใช้วัตถุดิบพืชผักปลอดภัยที่ผ่านกระบวนการล้างอย่างดี เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าอาหารทุกจานนอกจากรสชาติจะอร่อยแล้วยังปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่ว่าคุณจะหลังมื้ออาหารแสนอร่อย ให้เวลากับไอเดียมื้อเที่ยงที่สมบูรณ์แบบของคุณรออยู่ที่นี่
มาดูด้วยตัวคุณเองและจากไปอย่างมีความสุข อิ่มท้อง อย่างแน่นอน

Reserve your spot now!
Cafe de Oasis & Toby’s Pizza
Line: @cafedeoasis
Call: 053-920-191

อนันตราเชียงใหม่รีสอร์ท เปิดตัวเรือลำใหม่

อนันตราเชียงใหม่รีสอร์ท เปิดตัวเรือลำใหม่สุดตระการตา พร้อมเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่สุดของภาคเหนือประเทศไทย เพื่อนำแขกเข้าสู่ประสบการณ์การรับประทานอาหารสุดพิเศษ โดยเรือชื่อ “ทิพยานจิต” หรือที่แปลว่า “เรือแห่งสรวงสวรรค์” ได้รับการออกแบบโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ
ผู้มีชื่อเสียงระดับโลกในฐานะผู้สร้างสรรค์ “วัดร่องขุ่น” ในจังหวัดเชียงราย ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่าล้านคนจากทั่วโลกในแต่ละปี

อาจารย์เฉลิมชัยเป็นหนึ่งในศิลปินร่วมสมัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของประเทศไทย และได้รับการประกาศเกียรติคุณเป็นศิลปินแห่งชาติในปี พ.ศ. 2554 เพื่อยกย่องผลงานตลอดชีวิตของท่าน ผลงานล่าสุดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากชุดภาพวาดที่มีชื่อว่า “ทิพยานจิต” โดยการออกแบบเรือบรรยายถึงการเดินทางจากโลกนี้สู่โลกหน้า และส่วนหัวเรือได้รับการแกะสลักด้วยมือเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ในตำนาน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการพามนุษย์ล่องแม่น้ำสู่สรวงสวรรค์

“ทิพยานจิต เป็นเรือที่เกิดจากความฝันของศิลปิน เรือที่มีคุณค่าทางสุนทรียศาสตร์อย่างล้ำลึก ผมอยากสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นสมบัติของชาติ ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อโรงแรม แต่ต้องเป็นสิ่งที่พิเศษจริง ๆ” อาจารย์เฉลิมชัยกล่าว
“ผมหลงใหลในเรือของอยุธยาสมัยโบราณ โดยเฉพาะเรือที่มีดีไซน์แปลกและพิเศษ และสนุกกับการศึกษาเรือเหล่านี้เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการทำงาน ผลงานของผมเกี่ยวกับสรวงสวรรค์อยู่แล้ว จึงตัดสินใจออกแบบเรือ ‘ทิพยานจิต’ โดยนำแรงบันดาลใจจากเรือในสมัยอยุธยามาผสมผสานกับสไตล์ของผม เป็นเรือที่พาผู้คนล่องไปสู่โลกแห่งสรวงสวรรค์ การวาดเรือเป็นความฝันส่วนตัวที่ผมหลงใหลมาโดยตลอด”

เรือลำนี้มีความพิเศษเปรียบดังศิลปะลอยน้ำ โดยจะรองรับแขกสูงสุดเพียง 18 ที่นั่งเท่านั้น แขกบนเรือจะได้สัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยชั้นเลิศ ซึ่งเมนูจะเปลี่ยนทุกฤดูกาลโดยเชฟที่ได้รับดาวมิชลินหรือมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับชั้นนำของประเทศไทย สำหรับเมนูเปิดตัวได้รับการสร้างสรรค์โดย เชฟปิยชาติ พุทธวงศ์ หรือเชฟบอย จากร้านอาหารเสน่ห์จันทน์ในกรุงเทพฯ

เชฟบอยเติบโตในครอบครัวที่มีอาชีพทำอาหาร และเริ่มมีชื่อเสียงจากการเข้าร่วมรายการ Iron Chef ความเชี่ยวชาญของเขาอยู่ที่ขนมไทยแบบดั้งเดิม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากตำรับขนมชาววังหายากที่เขารวบรวมมาตลอดหลายปี แขกที่ขึ้นเรือทิพยานจิตจะได้ลิ้มลองเมนู 7 คอร์สของอาหารไทยคลาสสิก ที่จับคู่ไวน์อย่างลงตัวจาก Monsoon Valley ไร่องุ่นชั้นนำของประเทศไทย ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 ถึงปลายเดือนมีนาคม 2568

“ที่อนันตราเชียงใหม่ ชีวิตริมน้ำคือหัวใจสำคัญของประสบการณ์ในรีสอร์ท” นายพิทักษ์ นรเทพกิตติ ผู้จัดการทั่วไปของอนันตราเชียงใหม่ รีสอร์ทกล่าว “แม่น้ำปิงคือสายใยชีวิตของเมืองเชียงใหม่มาแต่ยาวนานนับหลายร้อยปี การได้เห็นชีวิตที่ดำเนินไปตามสองฝั่งแม่น้ำ คือการสัมผัสจิตวิญญาณของจุดหมายปลายทางนี้อย่างแท้จริง และเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับศิลปินระดับโลกอย่างอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เพื่อมอบประสบการณ์พิเศษนี้ให้แก่แขกของเรา”

ทิพยานจิต เปิดให้บริการอาหารเย็นทุกวัน เวลา 17:30 น. จากท่าเรือส่วนตัวของอนันตราเชียงใหม่ รีสอร์ท โดยเหมาะสำหรับชมพระอาทิตย์ตกและจิบค็อกเทล ระหว่างมื้ออาหาร แขกจะได้เพลิดเพลินกับการแสดงดนตรีไทย และสามารถยืมชุดไทยเพื่อถ่ายภาพเก็บความทรงจำอย่างเต็มอิ่ม 

ราคาอาหารเย็นท่านละ 6,999++ บาท และเพิ่มอีก 1,999++ บาท
สำหรับไวน์แพริ่ง เรือทิพยานจิตพร้อมให้บริการในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการสำรองที่นั่ง
โทร +66 (0) 53 253 333
อีเมล chiangmai@anantara.com หรือ LINE @Anantarachiangmai

AmazingThailand  สุขทันที…… ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน Maehongson

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2567 ว่าที่ร้อยตรี ภาณุวัฒน์ ขัดนาค ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. จังหวัดแม่ฮ่องสอน ช่วงนี้จังหวัดแม่ฮ่องสอน กำลังหนาวเย็นโดยเฉพาะบริเวณบนดอยที่สูง ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวรับลมหนาว พร้อมชมทะเลหมอก และพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกดิน 

ว่าที่ร้อยตรี ภาณุวัฒน์ ขัดนาค ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. จังหวัดแม่ฮ่องสอน

โดยเฉพาะที่อำเภอปาย มีแหล่งชมทะเลหมอกพระอาทิตย์ขึ้น ได้แก่ จุดชมวิว
หยุนไหล บ้านสันติชล ซึ่งเป็นชุมชนชาวจีนยูนาน ที่มีชื่อเสียง ช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวขึ้นชมทะเลหมอก วันละหลายพันคน และพื้นที่อำเภอปาย มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยเต็ม 100% โดยเฉพาะช่วงวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ 

ชวนเที่ยวเทศกาลทุ่งดอกบัวตอง ทุ่งดอกไม้สีทอง เหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่ง และขับรถยนต์ท่องเที่ยว ทั้ง 7 อำเภอ พิชิต 4,088 โค้ง จากเส้นทางหลวง1095 และ เส้นทางหลวง108 ซึ่งแต่ละอำเภอ มีคาแร็คเตอร์ที่แตกต่างกัน ช่วงฤดูหนาวปี 2567 นี้ ด้านการรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว ยังเป็นหน้าที่หลักของทางวนอุทยาน ร่วมกับ อบต.แม่อูคอ ฝ่ายปกครองอำเภอขุนยวม เจ้าหน้าที่ศูนย์นเรนทร รพ.ขุนยวม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขุนยวม ให้การรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวและดูแลรักษาพยาบาลให้กับนักท่องเที่ยวที่เจ็บป่วยขณะเดินทางขึ้นมาท่องเที่ยวที่ทุ่งบัวตอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ว่าจะสามารถท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย  

ช่วงนี้จังหวัดแม่ฮ่องสอน กำลังหนาวเย็นโดยเฉพาะบริเวณบนดอยที่สูง  ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวรับลมหนาว พร้อมชมทะเลหมอก และพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกดิน โดยเฉพาะที่อำเภอปาย มีแหล่งชมทะเลหมอกพระอาทิตย์ขึ้น ได้แก่ จุดชมวิวหยุนไหล บ้านสันติชล ซึ่งเป็นชุมชนชาวจีนยูนนาน ที่มีชื่อเสียง ช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวขึ้นชมทะเลหมอกวันละหลายพันคน  และพื้นที่อำเภอปายมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยเต็ม 100% โดยเฉพาะช่วงวันศุกร์เสารอาทิตย์ และบรรยากาศถนนคนเดินปายในเดือน พย. มีนักท่องเที่ยวคึกคัดมากกว่าปกติ 

#สุขทันทีที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน #ททท
#สุขทันทีที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน
#AmazingThailand 

ตำบลหินซ้อน สระบุรี ชวนไป “อาบป่า” รับพลังปีใหม่

ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลหินซ้อน ร่วมกับสมาคมท่องเที่ยวสระบุรีและอำเภอแก่งคอย เตรียมเปิดเทศกาลท่องเที่ยวตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เพื่อร่วมต้อนรับปีใหม่ 2568 กับการท่องเที่ยวแนวใหม่ ” Forest Bathing” สัมผัสธรรมชาติที่ใกล้ชิดมากขึ้นพร้อมดูแลสุขภาพไปในตัว ตำบลหินซ้อน ชวนไป”อาบป่า” รับพลังปีใหม่  “มหัศจรรย์การอาบป่าในลำน้ำป่าสัก ด้วยการพายเรือคายัคและแคนนู ชวนชมผาหมีเหนือ เสือใต้ สัมผัสกลิ่นไอธรรมชาติ (Kayaks & Canoe Forest Bathing)

โดยกำหนดการเปิดเทศกาลท่องเที่ยวตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2567 รอบเช้า: 09.00 น. รอบบ่าย: 14.00 น. ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำการท่องเที่ยวให้กลับมาฟื้นอีกครั้ง ภายหลังปิดไปในช่วงฤดูน้ำหลากเนื่องจากความปลอดภัย อีกทั้งยังจัดเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวในทุกๆ ด้าน เพื่อความปลอดภัยและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน 
วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2567
รอบเช้า: 09.00 น.
รอบบ่าย: 14.00 น.

ค่าใช้จ่าย :  ลด 50% จากอัตราปกติ เหลือเพียง 400.-/ท่าน
(รวมอาหารว่างระหว่างเดินทาง น้ำดื่ม ค่าเช่าเรือ เสื้อชูชีพ วิทยากร บุคลากรสอนพายLife Guard รถรับ-ส่ง และประกันภัยฯ)
หมายเหตุ : รับจำนวนจำกัด รอบละ 20 ท่านเท่านั้น

หินซ้อน! แหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนรักสุขภาพและการผจญภัย A Wellness Adventures, Ecotourism & Forest Bathing Destination  (สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม) ในส่วนของการ “อาบป่า” ถือเป็นแนวคิดใหม่ที่ทำให้เกิดการใส่ใจพื้นที่สีเขียว จากข้อมูลของ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) เปิดเผยว่า การ ‘เดินป่า’ เคยเป็นกิจกรรมผจญภัยสำหรับคนรักธรรมชาติ แต่ในยุคนี้หลายคนเลือกเยียวยาร่างกายและจิตใจด้วยการพาตัวเองไป ‘อาบป่า’ การอาบป่า (Forest Bathing) คือศาสตร์บำบัดจากญี่ปุ่นที่เรียกว่า Shinrin Yoku ซึ่งช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย โดยการสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

ศาสตร์นี้เป็นที่รู้จักในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1982 และมีการก่อตั้งสมาคมป่าบำบัดในปี 2002 เพื่อศึกษาผลกระทบของธรรมชาติที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ การอาบป่าเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตในเมืองที่ต้องเผชิญกับความเครียดและความวุ่นวาย จากการที่เราได้สัมผัสธรรมชาติผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 (รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส) ด้วยใจที่สงบและมีสมาธิธรรมชาติบำบัด


“อาบป่า” เป็นการเชื่อมโยงเราให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ สัมผัสสิ่งรอบตัวด้วยสัมผัสทั้ง 5 ด้วยสติและสัมผัสความสงบ จิตใจเริ่มนิ่งและพร้อมที่จะรับรู้เสียงนกร้อง เสียงน้ำไหล ลมพัด และกลิ่นหอมของธรรมชาติ เช่น กลิ่นดิน กลิ่นดอกไม้ หรือแม้แต่กลิ่นฝนที่ตกลงมาจากการวิจัย พบว่า การอาบป่าช่วยฟื้นฟูกลไกของร่างกาย ลดความเครียด บรรเทาอาการซึมเศร้า และเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกายและเพิ่ม NK Cells ซึ่งมีส่วนช่วยในการรักษาโรคมะเร็ง

นอกจากนี้ ความสวยงามของธรรมชาติที่เราได้สัมผัสยังทำให้เราเห็นคุณค่าของผืนป่า และเข้าใจถึงความสำคัญในการดูแลรักษาธรรมชาติ เพื่อให้เรามีป่าให้ ‘อาบ’ ต่อไปในอนาคต กิจกรรมนี้ยังสอดคล้องกับนโยบายในสระบุรีแซนบ็อกซ์” ของจังหวัดอีกด้วย

เจ้าหน้าที่ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลหินซ้อน กล่าวเชิญชวนประชาชนที่สนใจ สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ ภายหลังจากการเปิดเทศกาลท่องเที่ยวตำบลหินซ้อน วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 นี้เป็นต้นไป ซึ่งนอกจากจะมีกิจกรรมการล่องเรือแล้ว ยังเตรียมเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ จะเป็นสถานที่ใดนั้นโปรดติดตามตอนต่อไป ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาสถานที่ให้เหมาะสมและปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว

โดยเปิดบริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ สำหรับวันธรรมดาสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มเท่านั้น หรือหากสนใจสามารถสอบถามไปได้ที่ ประชาสัมพันธ์ชมรมฯ  คุณตุ๊กตา โทร 097-063-3742

#ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลหินซ้อน   
#สมาคมท่องเที่ยวสระบุรีและอำเภอแก่งคอย
#หินซ้อน #สระบุรี #แก่งคอย