Category Archives: LIFESTYLE

จุดชมวิวผาย้อนตะวัน – เกษตรเชิงธรรมชาติ

มาเที่ยวสระบุรี หาลานกางเต็นท์ใกล้กรุงเทพฯ หามุมธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร แนะนำให้แวะลานกางเต็นท์ ผาย้อนตะวัน ดินแดนแห่งหุบเขาที่ครอบคลุมพื้นที่สระบุรี เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินธรรมชาติที่ไม่ควรพลาด ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติทำให้ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์และนานาพันธุ์ งดงามต่อใจ ใครที่ได้มาสัมผัสบรรยากาศของ วิวผาย้อนตะวัน

เมื่อไหร่ที่เราเงียบธรรมชาติจะส่งเสียงดัง ที่นี่มาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ความสวยจะต่างกันตามฤดูกาล มาที่นี่รับรองได้ชมวิวหลักล้านของขุนเขา ทะเลหมอก ที่ลานกางเต็นท์ไม่ว่าจะมากับแก๊งส์ หรือ ยกครอบครัว หรือมากับคนรู้ใจ ดีงาม เหมาะแก่การมาเติมพลังใจ ละทิ้งความเหนื่อยจากการทำงาน วิวสวย โรแมนติก ชมแสงแรกของวัน ที่สาดส่องลงบนทะเลหมอก ตกเย็นชมอาทิตย์ตกดินไปพร้อมกับแสงของท้องฟ้าที่ไล่เป็นเฉดสีต่างๆ ก่อนจะชมแสงดาวนับล้านที่ส่องประกายในยามค่ำคืน ใครมีโอกาสได้มากางเต็นท์นอนท่ามกลางธรรมชาติที่นี่ รับรองฟินสุดๆ เป็นลานกางเต็นท์ใกล้กรุงเทพฯ อีกแห่งที่หลายคนบอกว่า มาเยือนแค่ครั้งเดียว ทำให้ตกหลุมรัก สำหรับนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาค้างคืน บนผาย้อนตะวัน มีบริการบ้านพักและลานกางสำหรับนักท่องเที่ยว ทีทุกคนไม่ต้องเตรียมเต็นท์ไปเอง ที่นี่มีบริการที่หลากหลายตามความต้องการของท่าน

ลานวิวสวยริมผา สระบุรี และจุดชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ที่ผาย้อนตะวัน ลานกางเต็นท์ มวกเหล็ก จ.สระบุรี ลานสวยบรรยากาศดี ชมพระอาทิตย์ตกงามๆ จองล็อคได้ด้วย มีโซนแคมป์คาร์ บ้านพัก คาเฟ่เครื่องดื่ม มีน้องๆสัตว์ทั้งหลาย แกะ ไก่ นก กระต่ายให้ชม ห้องน้ำดีมีน้ำอุ่น กับลานครบครันสะดวกสบาย การเข้าพักต้องจองล่วงหน้าเท่านั้นนะคะ

ที่ผาย้อนตะวัน มีฝูงแกะน่ารักให้เด็ก ๆ ได้เพลิดเพลินลานกางเต็นท์กว้างขวาง วิวสวยรอบทิศอากาศสดชื่น เติมพลังใจได้เต็มที่

ผาย้อนตะวัน – เกษตรเชิงธรรมชาติ
298 ตำบล หนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก สระบุรี 18180
ติดต่อกางเต็นท์ที่เพจ : ผาย้อนตะวัน
โทร. 081 295 1999

#ผาย้อนตะวัน #ลานกางเต็นท์สระบุรี
#กางเต็นท์วิวภูเขา#ทริปครอบครัว #ทริปคู่รัก #หมอกยามเช้า #ชมพระอาทิตย์ตกดิน #เที่ยวเชิงธรรมชาติ #พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ #campinglife #naturelover

DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025

จัดยิ่งใหญ่ แฟนคลับดิสนีย์แห่ร่วมงาน สวรรค์ของนักสะสม แบรนด์ของเล่นระดับโลกร่วมสร้างสีสันเต็มพื้นที่

ก้าวเข้าสู่โลกของ Disney, Pixar, Marvel และ Star Wars – DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 เปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมตอกย้ำความยิ่งใหญ่ในฐานะหนึ่งในงานของเล่นของสะสมธีมดิสนีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอด 4 วันเต็ม งานได้รวบรวมทัพของเล่น ของสะสม และสินค้าลิขสิทธิ์จากแบรนด์ระดับโลก ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวสุดรักของ Disney, Pixar, Marvel และ Star Wars

วันเปิดงานเต็มไปด้วยแฟนดิสนีย์ นักสะสม และผู้เข้าชมทุกวัย ที่มาร่วมช้อปคอลเล็กชันใหม่ล่าสุดและสินค้าลิมิเต็ดที่ห้ามพลาด ธีมของปีนี้คือ “Discover the world of Disney” ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความประทับใจให้กับแฟน ๆ โดยมีไฮไลต์คือจุดถ่ายรูปสุดน่ารัก “Stitch Preserved Flower” ขนาดสูง 1.8 เมตร และกิจกรรม Meet & Greet กับเพื่อนคนพิเศษจากเรื่อง Lilo & Stitch ตอกย้ำประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่แฟนดิสนีย์ทั่วโลกต้องมาเยือน

งานนี้จัดโดย The Walt Disney (Thailand) Company Limited ร่วมกับ Asaki International Co., Ltd., Central Pattana Public Company Limited, Shopee (Thailand) Co., Ltd., Advanced Wireless Network Co., Ltd. และ Toytopia Co., Ltd. ซึ่งในปีนี้เป็นครั้งที่ 2 ต่อเนื่องจากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ตอกย้ำความนิยมในหมู่แฟนดิสนีย์และนักสะสม พร้อมทั้งช่วยขับเคลื่อนตลาดของสะสมและ art toy ในไทยให้คึกคักยิ่งขึ้น

Alex Baillie รองประธานและผู้จัดการทั่วไป Disney Consumer Products, South Asia Pacific กล่าวว่า “ความนิยมในของสะสมเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ art toy ที่กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนรักและผูกพัน และเป็นสิ่งที่เชื่อมระหว่างแฟนๆกับเรื่องราวที่พวกเขาชื่นชอบ งาน Disney Toy Expo Thailand เป็นเวทีที่ยอดเยี่ยมในการแสดงให้เห็นว่า แบรนด์ต่าง ๆ ได้ตีความคาแรคเตอร์เหล่านี้ใหม่อย่างไร และทำให้สินค้าเข้าถึงทุกเจนเนอเรชันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้

DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4–7 กันยายน 2025 ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,700 ตร.ม. บน 3 ชั้นงาน มาพร้อมของเล่น ของสะสม ฟิกเกอร์ แกดเจ็ต อุปกรณ์เสริม ของตกแต่งบ้าน เครื่องนอน ไปจนถึงการคอลแลบสินค้าลิมิเต็ดอิดิชัน โดยรวบรวมแบรนด์ลิขสิทธิ์จากผู้จัดแสดง

สินค้าร่วม 40 ร้านค้า มากกว่า 50 บูธ และสินค้ากว่า 2,000 รายการให้มาเลือกชมและเลือกซื้อ กันในที่เดียวภายในงานจะมีสินค้าลิขสิทธิ์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Disney, Pixar, Marvel และ Star Wars ที่มาพร้อมการจัดแสดงที่น่าประทับใจจากผู้นำอุตสาหกรรมในระดับโลก

ผู้แสดงสินค้าระดับโลกที่เข้าร่วมได้แก่
• อุปกรณ์มือถือ: Casebang (จีน)
• ของแต่งบ้าน: SundayHome (เวียดนาม), Bestine (จีน)
• ของขวัญและไลฟ์สไตล์: OH!SOME (สิงคโปร์)
• การ์ดสะสม: Bushiroad (ญี่ปุ่น), Disney Lorcana Trading Card Game (สิงคโปร์)
• ฟิกเกอร์สะสม: Hot Toys (ฮ่องกง), Blokees (จีน), Beast Kingdom (ไต้หวัน), Funko (สหรัฐฯ)
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ไทยที่มาในงานนี้ด้วยเช่น
• AppleSheep (แกดเจ็ตและอุปกรณ์มือถือ)
• Asaki (อิเล็กทรอนิกส์)
• SB Furniture (เฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้าน)
• Taketoys (ตุ๊กตา Plush)

สินค้าเปิดตัวพิเศษ คอลเลคชั่นใหม่ Star Wars จาก Blokees , Aliens และ Lotso จาก BBToys ,แอคเซสซอรี Toy Story จาก Casebang และ Mickey Mouse จาก AppleSheep

โดยโปรโมชั่นพิเศษในงาน ส่วนลด 10%–30% โปรโมชั่น “ซื้อ 2 แถม 1” ซื้อครบ 1,000 บาท รับบัตรกำนัลมูลค่า 100 บาท เรียกได้ว่าเป็นงานใหญ่ที่จัดต่อเนื่อง และได้รับความสนใจจากแฟนคลับเข้าร่วมร่วมอย่างเนืองแน่น DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 จัดยิ่งใหญ่และจัดเต็มเพื่อแฟนคลับดิสนีย์จริงๆ

การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่: DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 ครั้งที่ 2

 การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่: DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 ครั้งที่ 2จัดเต็มความสุขตลอด 4 วัน พบกับแบรนด์ของเล่น ของสะสมคอลเลกชันลิมิเต็ดจากเหล่าคาแรกเตอร์ต่างๆ

ดิสนีย์เดินหน้าสร้างสรรค์กิจกรรมระดับโลกในประเทศไทย ประกาศจัดงาน DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 ครั้งที่ 2 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในงานรวมของเล่นและสินค้าคอลเลกชันลิขสิทธิ์ดิสนีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  งานมหกรรมครั้งนี้จะนำเสนอสินค้าลิขสิทธิ์ดิสนีย์จากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกกว่า 2,000 รายการ ครอบคลุมพื้นที่จัดงานกว่า 1,700 ตารางเมตร ที่เซ็นทรัลเวิลด์ แฟน ๆ เตรียมพบกับเซอร์ไพรส์มากมาย ทั้งกิจกรรม Meet & Greet สินค้าลิมิเต็ดเอดิชัน และกิจกรรมสุดพิเศษอีกมากมาย ตอกย้ำกระแสเติบโตของตลาดแฟนด้อม สินค้าคาแรกเตอร์ ของสะสม และอาร์ตทอย เข้าร่วมงานฟรี! ตลอด 4 วันเต็ม ตั้งแต่ 4–7 กันยายน 2568

งานนี้จัดขึ้นโดย บริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัท อาซากิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จํากัด และ บริษัท ทอยโทเปีย จำกัด สานต่อความสำเร็จจากการจัดงานครั้งแรกที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนดิสนีย์และนักสะสมของเล่น สร้างสีสันให้ตลาดของสะสมและอาร์ตทอยที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง

สำหรับปีนี้ งาน DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 มาพร้อมคอนเซปต์ “Discover the world of Disney” ชวนแฟน ๆ ก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งความสุขและความตื่นเต้น พร้อมสัมผัสสินค้าลิขสิทธิ์จากแบรนด์ระดับโลกมากมาย โดยมีเป้าหมายที่จะรวมหนึ่งในงานจัดแสดงอาร์ตทอยและของสะสมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มอบความสุขให้ทั้งผู้ร่วมงานชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ

งานจัดขึ้นระหว่าง 4–7 กันยายน 2025 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ครอบคลุมพื้นที่ 3 ชั้น (กว่า 1,700 ตร.ม.) ปีนี้ขยายขนาดใหญ่มากขึ้น รวมกว่า 47 ร้านค้า 64 บูธ และสินค้าให้เลือกกว่า 2,000 รายการ พร้อมเปิดโอกาสให้ธุรกิจของเล่นและของสะสมทั้งไทยและต่างประเทศได้พบปะ เจรจาความร่วมมือ และขยายสู่ตลาดโลก

การจัดงานครั้งนี้สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของตลาดของเล่นและของสะสม โดยเฉพาะกระแสอาร์ตทอยที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับความต้องการสินค้าลิขสิทธิ์ที่ยังคงสูง ประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญของดิสนีย์ ด้วยกลุ่มนักสะสมที่มีความหลากหลาย รสนิยมชัดเจน และกำลังซื้อที่มั่นคง ตัวละครดิสนีย์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าศตวรรษยังคงครองใจแฟน ๆ ไม่เสื่อมคลาย

ไฮไลท์งาน
ผู้ร่วมงานจะได้พบกับสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟและสินค้าคอลเลคชั่นใหม่จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ Beast Kingdom, Bestine, Blokees, Bushiroad, Casebang, Disney Lorcana Trading Card Game, Funko, Hot Toys , OH!SOME  และ SundayHome พร้อมเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคาแรกเตอร์ขวัญใจแฟน ๆ เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย

อย่าพลาดโซนถ่ายรูปสุดคิวต์กับ Stitch ขนาด 1.8 เมตรในรูปแบบ Preserved Flower ที่มอบทั้งความสุข ความทรงจำ และเสน่ห์สดใสให้นักสะสมได้เก็บภาพ รวมถึงกิจกรรม Meet & Greet สุดพิเศษกับเพื่อนตัวละครจาก Lilo & Stitch

ภายในงานยังมีโปรโมชั่นพิเศษจากบูธต่าง ๆ ลดราคาสินค้าระหว่าง 10%–30% พร้อมลุ้นรางวัลสุดตื่นเต้นและดีลสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะในงานนี้เท่านั้น

อย่าลืมจดวันไว้!
ร่วมฉลองความยิ่งใหญ่ไปกับสินค้าลิขสิทธิ์แท้จาก Disney, Pixar, Marvel และ Star Wars ในงาน DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 วันที่ 4–7 กันยายน 2568 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1–3 เข้าร่วมฟรีตลอดงาน

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/dtxthailand2025 
และ Instagram @dtxthailand2025

อิสระ ชูภักดี ปลุกกกให้ได้เกิดทั้งคนปลูกคนทอคนทำ

ปลุกกกให้เกิด” ผ่านการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกันตั้งแต่ คนปลูก คนทอ จนถึงคนสร้างสรรค์ โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมจากชุมชน ผสานดีไซน์ร่วมสมัยและแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เสื่อกกไม่ใช่แค่วัสดุท้องถิ่น แต่กลายเป็นแรงบันดาลใจใหม่ในแฟชั่นและการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน โดยการทำงานร่วมกับ ป้าๆ ที่พวกเราเรียกว่าแม่ครู ทุกคนยินดีสอนและให้คำแนะนำแบบไม่หวงวิชา พอได้ลงมือทำเองรู้เลยว่ายากมาก กว่าจะเป็นกกแต่ละเส้นไม่ใช่เรื่องง่าย จึงเข้าใจว่าทำไมคนรุ่นใหม่ไม่อยากทำ เพราะทำช้า ได้เงินน้อย ในขณะที่เรามองว่านี่แหละคืออาชีพที่ยั่งยืน ไม่ร่ำรวยแต่อยู่ได้ มีความสุข

นายอิสระ ชูภักดี (อิส) ชาวจันทบุรี New Young Craft ปี 2567 เจ้าของแบรนด์ กอกก ( korkok) จังหวัดจันทบุรี คนรุ่นใหม่ที่นำกกมาทำประโยชน์ สร้างเป็นแบรนด์ของตัวเอง คุณอิสจบปริญญาตรี วิชาเอกสื่อสารมวลชน คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันทำธุรกิจส่วนตัวกับครอบครัว และเป็นคอลัมนิสต์ให้กับวารสารจันท์ยิ้ม จุดเริ่มต้นของการทำแบรนด์ (แรงบันดาลใจ)จากปลุกกกให้เกิด พัฒนาต่อยอดอย่างงดงาม KORKOK คือ แบรนด์กระเป๋าเสื่อกกจันทบูร ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวจันทบุรี 

“กกสองน้ำ” กกพื้นถิ่นที่เติบโตในน้ำกร่อย ให้เส้นใยเหนียว มันวาว สวยงาม ทอเป็นเสื่อกกจันทบูรที่มีคุณภาพ แข็งแรง ทนทาน ไม่ขึ้นรา งานหัตถศิลป์ร่วมสมัยที่ผสานภูมิปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ และแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง สู่ผลิตภัณฑ์ GI มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ เพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน  ปกติคนทำกก พอตากแห้งแล้วก็จะเก็บเป็นสต๊อกไว้ทอเป็นเสื่อตลอดปี เราให้ป้าทอเสื่อให้ พอจะจ่ายเงิน ป้าบอกไม่เอาเงินแต่ขอเป็นกกแห้งแทน เงินดูจะไม่สำคัญเท่าการมีกกไว้ คนทำเสื่อเค้ารู้ดีว่าการมีกกแห้งไว้เหมือนมีทองคำประดับกาย คำว่ากกแพงกว่าทองคำนั้นดูจะเป็นเรื่องจริง เพราะกกคืองาน กกคือสร้างรายได้ กกคือชีวิต ฤดูกาลเก็บเกี่ยวในรอบนี้  ผลผลิตจาก กกสดราวๆ 700 กก. จ้างตัด จ้างจัก งบประมาณราวหมื่นกว่า ทำแห้งเสร็จรวมยอดได้ 139 กก. ราคาขาย กก.ละ 120 บาท รวมรายได้ 16,680 บาท แต่ในระหว่างขั้นตอน มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งนี่-นั่นกระจายระหว่างทางที่ไม่ได้คิด เบ็ดเสร็จหักลบค่าต้นทุนกับรายได้ะพอดีกัน กำไรไม่เห็น แต่สิ่งที่ได้ คือ รอยยิ้มและความภาคภูมิใจ ต่อวงจรชีวิตกกเพื่อให้คงอยู่ การปลูกกกที่ไม่ได้หวังเพียงกำไร แต่เห็นรอยยิ้มของคนทำเสื่อ มีกกไว้ใช้ก็ดีใจแล้วทำเท่าที่กำลังไหว และจะทำต่อในวิถีชีวิตแบบคนจันทบุรี เราเข้าใจแล้วว่า ‘ขาดทุนคือกำไร‘ มันมีความหมายอย่างไร แม้จะเหนื่อยแต่มีความสุข 

KORKOK ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและเรื่องราว จากเส้นกกธรรมชาติสู่ดีไซน์ร่วมสมัย ผสานพลังของ ‘แม่ครูทอเสื่อ’ รุ่นเก๋า กับความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ สู่แฟชั่นไอเท็มที่งดงามและเปี่ยมเสน่ห์เหนือกาลเวลาจากสิ่งของที่เป็นเพียงเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน วันนี้เสื่อจันทบูรถูกพัฒนาต่อยอดเป็นของตกแต่ง ของที่ระลึก และสินค้าไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย อาทิ กระเป๋า พรม ปลอกหมอน และของประดับบ้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์แล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนอีกด้วย

ปลุกกก ให้ได้เกิด ทั้งคนปลูก คนทอ คนทำ
TEL: 085 199 2488
FB  : KORKOK
IG  : KORKOKCHAN

เครดิตภาพ FB  : KORKOK

#KORKOK
#เสื่อกกจันทบูร
#SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
#KORKOK #เสื่อกกจันทบูร
#มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ
#ปลุกกกให้ได้เกิดทั้งคนปลูกคนทอคนทำ

SACIT ร่วมอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยผ่านงานกกและเสื่อจันทบูร สู่ผลงานสร้างสรรค์ร่วมสมัย

สืบสานหัตถศิลป์ถิ่นสีสันชุมชน” SACIT ร่วมอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยผ่านงานกกและเสื่อจันทบูร สู่ผลงานสร้างสรรค์ร่วมสมัย

จันทบุรี 24 กรกฎาคม 2568: งาน “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จันทบุรี จัดขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จังหวัดจันทบุรี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นจากครูช่างศิลป์และคนรุ่นใหม่ พร้อมเสวนาสุดเข้มข้นที่จะทำให้มองเห็นอนาคตใหม่ของงานหัตถกรรมไทย และส่งเสริมการเยี่ยมชมแหล่งผลิตเสื่อกกและผลิตภัณฑ์จากกก แหล่งเพาะปลูกกก และศูนย์หัตถกรรม จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT

ภายในงาน “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จังหวัดจันทบุรี ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสเบื้องหลังความงามของงานศิลปหัตถกรรมไทย และเรื่องราวของการทอเสื่อกกอันเป็นเอกลักษณ์ ชมผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์จากเส้นกกที่ผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมและการออกแบบสมัยใหม่ พร้อมกิจกรรมเวิร์กชอปผ่านการสาธิตจริงจากช่างฝีมือท้องถิ่นที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้ทดลองเรียนรู้และสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเองไฮไลต์กิจกรรมภายในงาน วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ได้แก่ การสาธิตการทอเสื่อกกแบบดั้งเดิม โดยช่างฝีมือท้องถิ่น, เวิร์กชอปเรียนรู้การออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานจากกก, นิทรรศการและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเสื่อกกจันทบูร ทั้งแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย และการเสวนาจากผู้เชี่ยวชาญด้านหัตถศิลป์และช่างฝีมือท้องถิ่นในหัวข้อ “ต้นน้ำที่กำลังจะสูญหาย” และ “โอกาสของกกในมิติต่างๆ” ที่จะทำให้มองเห็นศักยภาพและอนาคตใหม่ของงานหัตถกรรมไทย โดยครูจุไรรัตน์ สรรพสุข ครูช่างศิลปหัตถกรรม ประจำปี 2558 และคุณอิสระ ชูภักดี คนรุ่นใหม่ New Young Craft 2567

นางสาวแสงระวี สิงหวิบูลย์
รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย

นางสาวแสงระวี สิงหวิบูลย์ รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย กล่าวว่า SACIT มุ่งเน้นที่จะสร้างความยั่งยืน และสืบสานงานศิลปหัตถกรรมไทย จึงได้มีการส่งเสริมงานช่างฝีมือดั้งเดิมให้มีการประกอบอาชีพ และพัฒนากระบวนการสร้างสรรค์ศิลปหัตถกรรมไทย ทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ และใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ในทุกประเภทของงานหัตถกรรม และทั่วทุกภาคของประเทศ โครงการ “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จังหวัดจันทบุรี นี้ จึงจัดขึ้นเพื่อต่อยอดและส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับชุมชน สนับสนุนการอนุรักษ์งานหัตถศิลป์ สืบสานภูมิปัญญาการทอเสื่อกกของชุมชนจันทบุรี และสร้างความภาคภูมิใจในมรดกทางวัฒนธรรมไทยที่สืบทอดมายาวนาน รวมทั้งการต่อยอดงานหัตถศิลป์ให้เป็นผลิตภัณฑ์ร่วมสมัย เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และมีส่วนร่วม และช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสร้างรายได้สู่ท้องถิ่นได้ในระยะยาว เสน่ห์ “กก” และ “เสื่อจันทบูร” หัตถศิลป์ทรงคุณค่าคู่ชุมชนจันทบุรี

“กก” คือพืชท้องถิ่นที่เติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มน้ำของจังหวัดจันทบุรี ชาวบ้านนำมาผ่านกระบวนการเก็บเกี่ยว ตากแห้ง จัดเส้น และย้อมสีอย่างประณีต ก่อนนำมาทอเป็นเสื่อและของใช้ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดจากบรรพบุรุษมาอย่างยาวนาน

จุดเด่นของ “เสื่อจันทบูร” อยู่ที่ความละเอียดในการทอ ลวดลายที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ และสีสันที่สดใสไม่ซ้ำใคร โดยฝีมือช่างผู้มีประสบการณ์ ประกอบกับคุณสมบัติของต้นกกในพื้นที่จันทบุรีที่มีลักษณะเฉพาะ มีความแข็งแรง คงทน ทำให้เสื่อมีความทนทาน มันวาว เหมาะสำหรับการใช้งานจริง และยังเป็นงานศิลป์ที่สะท้อนถึงรสนิยมและอัตลักษณ์ของชุมชน
จากสิ่งของที่เป็นเพียงเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน วันนี้เสื่อจันทบูรถูกพัฒนาต่อยอดเป็นของตกแต่ง ของที่ระลึก และสินค้าไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย อาทิ กระเป๋า พรม ปลอกหมอน และของประดับบ้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์แล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนอีกด้วย

งาน “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จังหวัดจันทบุรี เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสำคัญของสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT ที่ต้องการส่งเสริม สืบสานงานหัตถศิลป์ไทยร่วมกับชุมชน และนำไปสู่การร่วมกำหนดทิศทางและการดำเนินการร่วมกันในทุกภาคส่วน เพื่อให้การเชื่อมโยงงานศิลปหัตถกรรมเข้ากับมิติต่างๆ ของสังคม และการท่องเที่ยว โดยมีการขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่าน “ครูศิลป์ของแผ่นดิน และครูช่างศิลปหัตถกรรม” และมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับ ภาคีเครือข่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในท้องถิ่น มุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้กับเครือข่ายต่างๆ ให้ได้ร่วมคิด ร่วมทำ เกิดความคิดและทางเลือกใหม่ ๆ เกิดพลังชุมชนที่เข้มแข็งจากฐานราก มีความพร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้งานศิลปหัตถกรรมในพื้นที่ สร้างความเชื่อมโยงระหว่างผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม วิถีชุมชน กับการท่องเที่ยวได้อย่างสมดุล ซึ่งช่วยให้ชุมชนสามารถพัฒนาสู่การเป็นแหล่งเรียนรู้งานศิลปหัตถกรรมและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ศิลปหัตถกรรมไทย ตลอดจนเป็นส่วนสำคัญในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน

ศ.ดร.ไมค์ ชาน แบ่งปันประสบการณ์ การบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิดในการย้อนวัยทางชีวภาพ

ศาสตราจารย์ Dato’ Sri Dr. Mike KS Chan อายุ 64 ปี ชาวมาเลเซีย ประธาน European Wellness Biomedical Group เป็นนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักเขียน และนักการศึกษาเกี่ยวกับเซลล์ต้นกำเนิด ภูมิคุ้มกัน และการแพทย์ฟื้นฟูทางชีวภาพมานานกว่า 40 ปีในยุโรป

นอกจากนี้ Mike Chan ยังเป็นเจ้าของร่วมและผู้ก่อตั้ง European Wellness Biomedical Group ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่บูรณาการในแนวตั้ง ประกอบด้วยแผนกสำคัญในด้านการวิจัยและพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญา โรงงานผลิตไบโอเทคและไบโอฟาร์มา (เยอรมนีและสหภาพยุโรป) สถาบันการศึกษาและสถาบันวิชาชีพ การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั่วโลกใน 80 ประเทศ และศูนย์การแพทย์เพื่อสุขภาพ การวินิจฉัย และการฟื้นฟูเยาวชน 26 แห่งในยุโรปและเอเชียแปซิฟิก รวมถึงสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี กรีซ จีน ฮ่องกง มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ เม็กซิโก เวียดนาม กัมพูชา ลาว และบังคลาเทศ โดยมีลูกค้าระดับ VIP ได้แก่ ประธานาธิบดี ประมุขแห่งรัฐ ฮอลลีวูด ฮ่องกง และคนดังของจีน รวมถึงคนรวยและคนดัง Mike Chan เป็นผู้แต่ง/ผู้ร่วมแต่งหนังสือวิทยาศาสตร์มากกว่า 50 เล่มเกี่ยวกับเซลล์ต้นกำเนิด (รวมถึงหนังสือสำหรับสัตว์) การแก่ชรา ความผิดปกติของระบบประสาท และพัฒนาการทางระบบประสาท โรคเมตาบอลิก การแพทย์ชีวภาพและการฟื้นฟู และสิ่งพิมพ์ทางวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์มากกว่า 100 ฉบับในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร

นอกจากนี้ Mike Chan ยังได้รับรางวัลระดับนานาชาติหลายรางวัลในด้านเทคโนโลยีชีวภาพในยุโรปและตะวันออกกลาง นอกจากนี้ Mike Chan ยังมีสิทธิบัตรระหว่างประเทศมากกว่า 40 ฉบับทั่วโลกสำหรับผลิตภัณฑ์ชีวเภสัชภัณฑ์หลายรายการ รวมถึงเซลล์ต้นกำเนิด เปปไทด์ การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันตนเอง และสารอาหารทางเส้นเลือด

ตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 80 ด้วยทุนเริ่มต้นเพียง 10,000 เหรียญสหรัฐ ไมค์มีประสบการณ์ตรงจากการอยู่ภายใต้การดูแลของนักบำบัดเซลล์ที่เก่งกาจที่สุดในโลกหลายคนซึ่งมาจากสหภาพโซเวียต เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ Mike Chan ผู้บุกเบิกการแพทย์ฟื้นฟูทางชีวภาพ การบำบัดด้วยเซลล์/ออร์กาโน และการวิจัยเซลล์ต้นกำเนิดในยุโรป และหลังจากนั้นเป็นผู้นำบริษัทสวิสและเยอรมนีหลายแห่งที่มีชื่อเสียงด้านการบำบัดด้วยเซลล์เพื่อต่อต้านวัยให้ขยายตัวอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก โดยมีการดำเนินการที่หลากหลายตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการผลิตและการจัดจำหน่าย และต่อมามีการริเริ่มการศึกษาแพทย์เพื่อปรับปรุงการใช้งานทางคลินิกของชีวเภสัชภัณฑ์

นอกจากนี้ Mike Chan ยังเป็นผู้บุกเบิกในการนำการวิจัยเซลล์ต้นกำเนิดและการบำบัดด้วยเซลล์เข้าสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นครั้งแรกในช่วงกลางทศวรรษ 1980 และนับจากนั้นเป็นต้นมา ไมค์ได้ริเริ่มโครงการการศึกษาสำหรับแพทย์และตัวแทนจำหน่ายผ่านเครือข่ายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมใน 80 ประเทศ Mike Chan เป็นวิทยากรในที่สาธารณะบ่อยครั้ง โดยเขาได้บรรยาย สัมมนา และประชุมสัมมนามากกว่า 1,000 ครั้งทั่วโลกในสาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีชีวภาพ ชีวเภสัชภัณฑ์ ยาต้านวัย การแพทย์ฟื้นฟู และการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิด

ปัจจุบัน Mike Chan ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการและเป็นหัวหน้าคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูของ ESAAM (European Society of Preventative, Regenerative and Anti-Aging Medicine) ซึ่งเป็นองค์กรวิทยาศาสตร์ด้านการป้องกัน ฟื้นฟู และต่อต้านวัยที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ก่อตั้งในปี 2003 และดำรงตำแหน่งประธานสมาคมแห่งเอเชียด้วย นอกจากนี้ เขายังเป็นรองศาสตราจารย์ของ AASCP (American Academy of Stem Cell Physicians) แห่งสหรัฐอเมริกา ประธาน A4M (American Academy of Anti-Aging Medicine) แห่งสหรัฐอเมริกาสำหรับประเทศไทยและเอเชีย สมาคมการแพทย์ฟื้นฟูของญี่ปุ่น MMJ (Multi-Dimensional Holistic Medical Team Japan) และผู้ก่อตั้งร่วมของ FCTI Precursor Stem Cells แห่งยุโรป ในปี 2018 และ 2019 Mike Chan ร่วมกับทีมแพทย์ของเขาได้นำการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพและการท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาที่สำคัญมาสู่สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และมาเลเซีย โดยมีแพทย์จากสหรัฐอเมริกา โปรตุเกส เบลเยียม จีน สเปน สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย ไทย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และตะวันออกกลาง ร่วมด้วย

นอกจากนี้ Mike Chan ยังเป็นสมาชิกวุฒิสภา BWA ประเทศเยอรมนี (สมาคมเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าต่างประเทศสำหรับจีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย) และเป็นผู้นำ จ้างงาน และทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการชั้นนำจากทั่วโลก เช่น MIT, Oxford, Cambridge Heidelberg University และ University of Irvine, California เป็นต้น

Mike Chan ได้รับรางวัลมากมาย สำหรับความเป็นผู้นำ ผู้ประกอบการ การรับรองคุณภาพ และรางวัลความสำเร็จจากยุโรปไปจนถึงจีน เขาเป็นสมาชิกในองค์กรวิชาการและสมาคมมากกว่า 20 แห่ง นอกจากยังปรากฏตัวบนหน้าปกมากกว่า 30 แห่งทั่วโลก

เขาอาศัยอยู่ในเมืองโกตาคินาบาลู ซาบาห์ และยุโรปมาเป็นเวลากว่าสามทศวรรษ ความปรารถนาของเขาในฐานะชาวจีนมาเลเซียที่ภาคภูมิใจซึ่งมีเชื้อสาย “บูดักกัมปุง” ถือเป็นแรงบันดาลใจมาโดยตลอด โดยเขาเป็นรุ่นที่สามของชาวจีนเชื้อสายฝูเจี้ยนที่ต้องการนำเทคโนโลยีชีวภาพ การวิจัย และการศึกษาที่ทันสมัยระดับโลกมาสู่มาเลเซียและจีน ปัจจุบัน เขากำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลซานตงของจีนเกี่ยวกับศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพ การศึกษา และการวิจัยด้านการแพทย์ชีวภาพ/ฟื้นฟู และการบาดเจ็บจากกีฬาและการฟื้นฟูร่างกาย และได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรผู้เชี่ยวชาญเรื่องเซลล์ต้นกำเนิดและโภชนาการสำหรับโควิด (รวมถึงการระบาดของโควิด 14 กุมภาพันธ์ 2020)

ขอบคุณข้อมูล ศาสตราจารย์ Dato’ Sri Dr. Mike KS Chan จาก
https://european-wellness.eu/advisory/prof-dr-mike-chan/

𝐁𝐈𝐆𝐁𝐄𝐀𝐑 𝐄𝐀𝐓𝐄𝐑𝐘

𝐁𝐈𝐆𝐁𝐄𝐀𝐑 𝐄𝐀𝐓𝐄𝐑𝐘 ร้านสเต็กสลัดและอาหารไทยฟิวชั่น ย่านนนทบุรี เอาใจสายรักสุขภาพ ที่บอกได้เลยว่าใครที่ได้ไปเยือนต้องติดใจทุกราย ร้านสวยบรรยากาศดี ร้านอาหารในฟาร์มที่ให้บริการสเต็ก สลัด และอาหารไทยฟิวชั่น  ร้านนี้ที่เน้นผักสดจากฟาร์มของตัวเอง ในส่วนของคาเฟ่บรรยากาศสุดกรีนดีไซน์สวย มุมถ่ายรูปสุดปัง ต้องห้ามพลาดไปดูกันเลยดีกว่า 

นอกจากจะมีความร่มรื่น ดีไซน์สวย อาหาร เครื่องดื่มอร่อยแล้วยังทางร้านเก็บผักกันสด ๆ จากฟาร์มหน้าบ้านที่เป็นฟาร์มปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ มาทำเป็นเมนูอาหารจานเด็ดเพื่อคนรักสุขภาพ มั่นใจได้ว่าปลอดสารพิษ และสดใหม่ทุกจานอย่างแน่นอน นอกจากเมนูข้างต้นแล้ว ทางร้านยังมีเมนูแนะนำอร่อย ๆ อีกมากมาย รวมถึงทางร้านยังมีของหวาน และกาแฟอีกด้วยนะ ครบจบในร้านเดียว คุ้มค่าที่จะไปลองกันให้ได้นะคะ

ร้านบิ๊กแบร์ อยู่ริมถนนชัยพฤกษ์ ย่านบางบัวทอง ตัวร้านหาไม่ยาก ทางเข้าร้านเด่นด้วยเสาสูงเหมือนต้นไม้สีเขียว มีน้องหมีปีนต้นไม้สูงๆ สองต้น  อยากให้คุณพาคนที่รักมาทานอาหารอร่อย วัตถุดิบคุณภาพดี สดจากฟาร์มด้านหน้า มาสูดอากาศบริสุทธิ์ สดชื่นให้เต็มปอดรับโอโซนธรรมชาติยามบ่าย ท่ามกลางธรรมชาติ เหมือนนั่งริมน้ำตกกลางป่าเขา สบายหายเหนื่อย เอาเป็นว่ามาให้ธรรมชาติโอบกอดมาสัมผัสชีวิตที่เรียบง่ายสบายๆ ที่ 𝐁𝐈𝐆𝐁𝐄𝐀𝐑 𝐄𝐀𝐓𝐄𝐑𝐘

พิกัดความอร่อย ร้าน 𝐁𝐈𝐆𝐁𝐄𝐀𝐑 𝐄𝐀𝐓𝐄𝐑𝐘 สเต็กสลัด และอาหารไทยฟิวชั่น ตั้งอยู่ในย่านนนทบุรี 

📍: Google map : 🐻𝐁𝐈𝐆𝐁𝐄𝐀𝐑  𝐄𝐀𝐓𝐄𝐑𝐘 🐻https://goo.gl/maps/LqNGguATJvXk4nMs7

⏰ : 10:00-21:00 น. เปิดทุกวัน 🚗 : มีที่จอดรถ 
🛵 : มีเดลิเวอรี่💻 : จัดเลี้ยง / ห้องประชุม / งานแต่ง ☎️ : 090 089 9992
Line@ :@bigbearthailand
คลิกแอดไลน์ https://lin.ee/fSbn7IR
IG : bigbear_eatery FB : bigbear_eatery

#bigbear #bigbeareatery #bigbearcafeandeatery
#รักใครให้พามา #รักใครให้พาไปทาน #น้ำตกในสวน
#ร้านอาหาร #ร้านอาหารนนทบุรี #vespatravel

แม่ครูลำดวน นันทะสุธา ศิลปินโอทอป

แม่ครูลำดวน นันทะสุธา ศิลปินโอทอป ผ้าทอลายขิดไหม หนึ่งเดียวของบ้านกุดแห่ จังหวัดหนองบัวลำภู

งาน OTOP Midyear 2025 ของดีของเด็ดจาก 4 ภาค ของกิน ของใช้ คุณภาพคัดสรรค์ทั่วฟ้าเมืองไทย โอทอป ศิลปิน ,โอทอปขึ้นเครื่อง, โอทอป 5 ดาว ,โอทอปชวนชิม ,โอทอป นาทีทองพบกับMini คอนเสิร์ต ศิลปิน มามอบความสุข อาคารชาเลนเจอร์ 1 – 3 อิมแพ็คเมืองทองธานี 7 – 15 มิถุนายน 68 เวลา 10.00-21.00น.

วันนี้ทีมงานมีโอกาสพบศิลปิน OTOP ในงาน OTOP Mid Year 2025 ในโซนศิลปินโอทอป นางลำดวน นันทะสุธา ผ้าขิดไหมบ้านกุดแห่ จังหวัดหนองบัวลำภู ผ้าขิดไหมเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ มีคุณค่าทางศิลปะและมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของคนในชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น ชวนคนไทยและนักท่องเที่มาร่วมกันสนับสนุนสินค้าภูมิปัญญาจากชุมชน เพื่อต่อลมหายใจให้กับงานศิลปหัตถกรรมของไทยกัน

ผ้าขิดไหม คือ ผ้าทอลายขิดที่ทอด้วยเส้นไหม โดยมีลวดลายที่เกิดจากการใช้เทคนิคการทอแบบ “ขิด” ลายขิดที่ปรากฏบนผ้ามีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความเชื่อต่างๆ เช่น ลายดอกไม้ ลายสัตว์ ซึ่งเป็นการสะกิดหรือยกเส้นด้ายยืนขึ้นแล้วสอดเส้นด้ายพุ่งพิเศษเข้าไป เพื่อสร้างลวดลายต่างๆ บนผืนผ้า ผ้าขิดไหมจึงเป็นผ้าที่มีความสวยงาม มีลวดลายที่โดดเด่น และมีความมันวาว 

นางลำดวน นันทะสุธา ประธานกลุ่มทอผ้าขิดไหมบ้านโพธิค้ำ บอกว่า ผ้าลายขิดในภาคอีสานอยากให้เศรษฐกิจในหมู่บ้านดีขึ้น คนในหมู่บ้านมีรายได้เสริมจากการทำไร่ทำนา ไม่ต้องจากบ้านไปทำงานกรุงเทพฯ หรือในต่างจังหวัดที่อยู่ห่างไกลครอบครัว และยังเป็นการช่วยอนุรักษ์และสืบทอดวัฒนธรรมการทอผ้าขิดไหมของชาวชุมชนชนบทให้คงอยู่สืบไป

โดยลายผ้าขิดไหม พบได้มากในภาคอีสาน เกิดจากแนวคิดของ ครู ลำดวน นันทะสุธา ประธานกลุ่มทอผ้าไหมบ้านกุด แห่ จนทำให้ลายผ้าขิดไหมบ้านกุดแห่ ได้รับรางวัล ชนะเลิศจากแนวความคิดที่นำคำขวัญจังหวัด หนองบัวลำภู “ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อุทยานแห่งชาติภูเก้าภูพานคำ แผ่นดินธรรม หลวงปู่ขาว เด่นสกาวถ้ำเอราวัณ นครเขื่อนขันธ์ กาบแก้วบัวบาน” มาประยุกต์เป็นลายผ้าแบบใหม่ ที่มีความแปลกใหม่ ซึ่งประกอบด้วย ลายดอก พิกุล ลายหัวนาค ลายผีเสื้อ ผ้าขิดไหมสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย

ครู ลำดวน นันทะสุธา  เล่าถึง การทอผ้าขิดเป็นการทอโดยการใช้ไม้เขี่ย หรือสะกิดเส้นด้ายยืน เพื่อเปิดช่องให้สอดเส้นด้ายพุ่งพิเศษเข้าไปสร้างลวดลาย ลวดลายที่ได้มีสัมผัสได้ถึงความนูนลอยออกมาจากผืนผ้า  การฝึกให้กับคนในหมู่บ้านที่สนใจประกอบเป็นอาชีพเสริม ต่อมาสอนให้กับคนที่สนใจที่จะทำเป็นอาชีพ ตลอดจนเป็นห้องเรียนนอกสถานที่สำหรับโรงเรียนในเขตพื้นที่ อ.นากลาง ที่ต้องการให้นักเรียนได้ศึกษาเกี่ยวกับการทอผ้าที่นับวันจะหมดไปจากสังคมชนบท ซึ่งนอกจากจะสอนการทอผ้าแล้วยังสอนให้ออกแบบลวดลายผ้าทั้งลายโบราณและลายประยุกต์สมัยใหม่ เพื่อสร้างความหลากหลายของผ้าไหม จากการที่กลุ่มได้เป็นสมาชิกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษ ทำให้เป็นที่รู้จักและมีตลาดรองรับมากขึ้น

ผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม ประกอบด้วย ผ้าขิดไหม ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมพื้นเรียบ ผ้าไหมหางกระรอก ผ้าโสร่งไหม ผ้าลายลูกแก้ว ผลงานที่โดดเด่น คือ ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในการประกวดผ้าขิดไหม ได้รับโล่สตรีดีเด่น จากอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้รับโล่ผู้นำสตรีดีเด่นของจังหวัดอุดรธานี ได้รับโล่ผลิตภัณฑ์ดีเด่นประเภทผ้าขิดไหม ได้รับโล่เกียรติบัตรจากการประกวดผ้าลายดอกบัว จากผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู

ครูลำดวน นันทะสุธา โทร. 087 2198231

กระแสแรงเกินต้าน !! โครงการ GIT’s World Jewelry Design Awards 2025

ทุบสถิติใหม่ ทะลุกว่า 899 ผลงาน จาก 37 ประเทศทั่วโลก


โครงการประกวดออกแบบเครื่องประดับระดับโลก GIT’s World Jewelry Design Awards 2025 โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ได้ปิดรับสมัครผลงานแบบวาดเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมสร้างสถิติใหม่ในปีนี้ด้วยจำนวนผลงานที่ส่งเข้าประกวดถึง 899 ชิ้น จาก 37 ประเทศทั่วโลกในปี 2025 โดยในปีนี้มีประเทศใหม่ที่เข้าร่วมเป็นครั้งแรกถึง 13 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, เดนมาร์ก, เยอรมนี, ฮังการี, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, เปรู, รัสเซีย, แอฟริกาใต้, ศรีลังกา, ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโครงการในการขยายสู่เวทีระดับนานาชาติอย่างแท้จริง สะท้อนให้เห็นถึงความต่อเนื่องของกระแสความสนใจจากนักออกแบบทั่วโลก ขณะเดียวกัน ประเทศที่มีจำนวนผลงานเพิ่มขึ้นโดดเด่น ได้แก่ บราซิล, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ฮ่องกง, สหราชอาณาจักร และตุรกี

การตัดสินรอบแบบวาดจัดขึ้นในวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรม Bangkok Marriott Hotel The Surawongse โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายวงการทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ มล. คฑาทอง ทองใหญ่ นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์, คุณบุญญาภา ศรีอรทัยกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท บิวตี้เจมส์ แฟคตอรี่ จำกัด, ผศ.ดร.วีรวัฒน์ สิริเวศมาส รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, Ms. Sarah Zhuang นักออกแบบเครื่องประดับชื่อดังชาวฮ่องกง และ Mr. Alessio Boschi นักออกแบบเครื่องประดับชื่อดังชาวอิตาลี ซึ่งได้คัดเลือก 30 ผลงานเข้ารอบชิงรางวัล Popular Vote เปิดให้ประชาชนร่วมโหวตผลงานที่ชื่นชอบผ่านทางเว็บไซต์ www.gitwjda.com ตั้งแต่วันนี้ – 15 สิงหาคม 2568

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ เปิดเผยว่า ภายหลังจากการตัดสินผลงานรอบแบบวาด ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของการแข่งขัน GIT’s World Jewelry Design Awards 2025 ผู้ผ่านการคัดเลือกในรอบนี้จะได้รับโอกาสสำคัญในการต่อยอดแนวคิดสร้างสรรค์สู่การผลิตต้นแบบผลงานจริง และลุ้นรางวัลรวมกว่า 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เตรียมพบกับพิธีมอบรางวัลสุดยิ่งใหญ่ ในวันที่ 26 สิงหาคม 2568 ณ ลาน Living Hall ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นเกียรติในพิธีมอบรางวัล และร่วมส่งแรงใจให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่ที่พร้อมก้าวสู่เวทีระดับโลก”

GIT เล็งเห็นความสำคัญในการผลักดันสร้างนักออกแบบรุ่นใหม่ เพื่อพัฒนา สนับสนุน และส่งเสริมความเป็นศูนย์กลางการค้า การผลิตเครื่องประดับของประเทศไทยก้าวสู่ระดับโลก พร้อมกับได้มีการพัฒนา Platform ที่จะใช้เป็นช่องทางการติดต่อหรือนำเสนอผลงานของนักออกแบบสู่ผู้ประกอบการและผู้ค้าที่อยู่ในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับของไทยเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างสรรสิ่งใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง

#GIT #สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ
#GIT’sWorldJewelryDesignAwards2025

ปลัด พม. รับรางวัล “กินรีทอง” มหาชน

ปลัด พม. รับรางวัล “กินรีทอง” มหาชน ครั้งที่ 10 สาขาผู้ส่งเสริมและสร้างโอกาสแก่สังคมตัวอย่าง พร้อมรับมอบไม้เท้าขาว จำนวน 100 อัน ก่อนส่งต่อให้คนพิการ

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) รับรางวัล “กินรีทอง” มหาชน ครั้งที่ 10 สาขาผู้ส่งเสริมและสร้างโอกาสแก่สังคมตัวอย่าง จากองค์กรส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย พร้อมรับมอบไม้เท้าขาว จำนวน 100 อัน นำ
โดยนายกฤต สุวรรณวิไลกุล ประธานองค์กรส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานจัดงานรางวัลกินรีทอง มหาชน และคณะ โดยมีคณะผู้บริหารกระทรวง พม. เข้าร่วม ณ บริเวณโถง ชั้น 1 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์


 นายอนุกูล กล่าวว่า ในนามของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตนขอขอบคุณองค์กรส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย นำโดยนายกฤต สุวรรณวิไลกุล ประธานองค์กรส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานจัดงานรางวัลกินรีทอง มหาชน ที่มอบรางวัลกินรีทอง มหาชน ครั้งที่ 10 สาขา ผู้ส่งเสริมและสร้างโอกาสแก่สังคมตัวอย่าง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่ากระทรวง พม. กำลังขับเคลื่อนงานเพื่อสังคมมาในทิศทางที่องค์กรภาคสังคมได้เห็นความสำคัญในการช่วยเหลือประชาชน โดยหน่วยงานที่ทำงานด้านสังคมมีอยู่จำนวนมาก ซึ่งกระทรวง พม. ไม่สามารถทำงานเพียงหน่วยงานเดียวได้ ต้องทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆ อย่างไรก็ตาม รางวัลกินรีทอง มหาชน ที่ได้รับในครั้งนี้ เป็นรางวัลและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนทั้งในภาคสนามและผู้บริหารกระทรวง พม. ทุกคน

นอกจากนี้ ต้องขอขอบคุณองค์กรส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ที่มอบไม้เท้าขาว จำนวน 100 อัน ให้แก่กระทรวง พม. ซึ่งจะส่งต่อไม้เท้าขาวดังกล่าวให้กับคนพิการทางการเห็น และผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของกระทรวง พม. เพื่อให้ได้ใช้ในชีวิตประจำวันและเกิดประโยชน์สูงสุดและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป

#พม #ศรส #esshelpme #5×5ฝ่าวิกฤติประชากร #พมหนึ่งเดียว
#วราวุธศิลปอาชา #ศบปภ #พันธกิจสำคัญ9ด้าน #กินรีทองมหาชน
#ไม้เท้าขาว #คนพิการทางการเห็น